ม.สงขลานครินทร์ ผลิตถุงมือยางเคลือบสารฆ่าเชื้อไวรัสด้วยตัวเอง ลดความเสี่ยงติดโควิด-19
3 พ.ค. 2564, 14:09
สถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ล่าสุด ได้ออกเผยถึงความสำเร็จ ในการคิดค้นสร้างสรรค์อีกหนึ่งตัวช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในระดับบุคคล องค์กร และสังคม ภายใต้แผนงานวิจัยการยกระดับการใช้ประโยชน์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเชิงรุก แผนงานย่อย โครงการต้นแบบการยกระดับคุณภาพ และมาตรฐานด้านการวิจัย และนวัตกรรม ด้านการพัฒนาชุมชน และเศรษฐกิจฐานราก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยการพัฒนา "ถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19" เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
โดย ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ปัญหาหนึ่งของการใช้ถุงมือยางในกิจกรรมต่าง ๆ คือ มีเชื้อโรคติดอยู่ที่พื้นผิวถุงมือยาง แต่กลับไม่เคยมีการศึกษาอย่างจริงจังว่า ถุงมือที่ใช้มีส่วนช่วยในการกระจายเชื้อโรค หรือเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคระหว่างบุคคลมากน้อยเพียงใด ดังนั้น เพื่อลดการแพร่เชื้อ และหยุดการกระจายเชื้อโรคผ่านถุงมือยาง จึงได้ดำเนินโครงการวิจัยการพัฒนาถุงมือยางธรรมชาติเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชันป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อใช้ในพื้นที่เสี่ยงด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก วช. เพื่อผลิตถุงมือยางพาราเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน ซึ่งเป็นถุงมือที่สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยตนเอง ผลจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการด้วยการนำถุงมือยางพารา และถุงมือไนไตรที่ผลิตจากยางสังเคราะห์มาเคลือบสูตรน้ำยานาโนอิมัลชัน เพื่อปรับแต่งโครงสร้างพื้นผิวถุงมือยางให้มีคุณสมบัติกำจัด และฆ่าเชื้อโรคด้วยตนเอง
ซึ่งหลังจากทดสอบกับกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 300 คน เป็นกลุ่มอาสาสมัครที่ใช้ถุงมือยางพาราเคลือบสารนาโนอิมัลชัน 150 คน และอาสาสมัครที่ใช้ถุงมือไนไตรเคลือบสารนาโนอิมัลชันอีก 150 คน ปรากฏว่าทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน คือสารนาโนอิมัลชันที่เคลือบบนถุงมือยางมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและเชื้อไวรัสได้ ประสิทธิภาพมากในการฆ่าเชื้ออยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง ตามปริมาณสารเคลือบที่หลุดร่อนจากการใช้งาน ในส่วนของการเตรียมสารเคลือบนาโนอิมัลชันและกรรมวิธีในการเคลือบถุงมือยางได้จดทะเบียนสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อไปจะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อผลิตถุงมือยางพาราเคลือบสารนาโนอิมัลชััน 30,000 คู่ เพื่อนำไปทดลองกับคนในสถานที่ปฏิบัติงานจริง
กลุ่มเป้าหมายคือผู้ปฎิบัติงานที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่นำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในชุมชนต่างๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน จึงสามารถสรุปผลการทดลอง และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกอบการพิจารณาเพื่อขอขึ้นทะเบียน และผลิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ ในการเคลือบสารนาโนอิมัลชั่นจะเพิ่มต้นทุนในการผลิตประมาณคู่ละ 0.50 - 1.00 บาท สำหรับผลที่ได้จากโครงการนี้จะทำให้ถุงมือยางมีความปลอดภัยในการใช้งาน ลดการปนเปื้อน และป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสลงได้ นอกจากนี้ คาดว่าจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์การใช้น้ำยางข้นในประเทศ โดยกระบวนการแปรรูปในระดับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ของการใช้น้ำยางข้นแปรรูปในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือเคลือบน้ำยานาโนอิมัลชัน