เตือนระวัง! "เขื่อนอุบลรัตน์" น้ำสูงถึงระดับกักเก็บ ปรับการระบายน้ำ-หน่วงน้ำ ลดผลกระทบท้ายเขื่อน
13 ต.ค. 2566, 08:42
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ฝนที่ตกเพิ่มจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำพัดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลปัจจุบัน (11 ต.ค. 66)
-อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 12 แห่ง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 7,766 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 93% ของความจุเก็บกักรวมกัน เป็นน้ำใช้การรวมกันประมาณ 6,115 ล้าน ลบ.ม.
-อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 284 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 1,942 ล้าน ลบ.ม. หรือ 96% ของความจุเก็บกักรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 1,726 ล้าน ลบ.ม.
-ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะเขื่อนอุบลรัตน์ วันที่ 11 ต.ค.66 มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ 101.73 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 2,336.95 ล้าน ลบ.ม. หรือ 96% ของความจุอ่างฯ ซึ่งยังสามารถรับน้ำได้อีกประมาณ 94.35 ล้าน ลบ.ม. แต่เนื่องจากยังคงมีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 12-13 ต.ค.66 เขื่อนอุบลรัตน์จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ ถึงระดับเก็บกักที่ + 182.00 ม.รทก. คิดเป็นปริมาณน้ำรวมประมาณ 2,431.30 ล้าน ลบ.ม.
คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่น มีมติให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทยอยปรับการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ แบบขั้นบันไดในอัตราไม่เกิน 15 ล้าน ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากเดิมระบายวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของกรมชลประทาน ได้เตรียมรับมือระดับน้ำในลำน้ำพองและแม่น้ำชีบริเวณด้านท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น โดยใช้ระบบชลประทานทำการหน่วงน้ำ รวมกับจัดจราจรน้ำตลอดลำน้ำชี และมูล พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และระบบสื่อสารสำรอง ไว้ประจำจุดเสี่ยง ให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ตลอดจนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด