"สระบุรี" ประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยน ประจำปี 2562
15 ต.ค. 2562, 09:02
วันที่ 14 ตุลาคม 2562 ณวัดพระพุทธฉาย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นประธานเปิดงาน ประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยน ประจำปี 2562 โดยมี นายเรืองศักดิ์ วรหาญปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ต้อนรับและกล่าวรายงานพร้อมด้วย นางขนิษฐา คำจันทร์แก้ววัฒนธรรมจังหวัดสระบุรี หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าองค์กรส่วนท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติ นางรำกว่า 3000 คน ผู้สื่อข่าว ประชาชน เข้าร่วมงาน ในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
จังหวัดสระบุรี ได้ร่วมกับ วัดพระพุทธฉาย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี และทุกภาคส่วน ร่วมกันจัดงานมหัศจรรย์ข้าวต้มลูกโยนแห่งสระบุรี ประจำปี 2562 ณ วัดพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล จังหวัดสระบุรี วันจันทร์ ที่ 14 ตุลาคม 2562 เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงามให้ คงอยู่คู่จังหวัดสระบุรี และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งมีมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนจะได้ปลูกฝัง ความรัก ความกตัญญู ต่อพ่อแม่ซึ่งมีพระพุทธเจ้า เป็นแบบอย่างที่พระองค์เสด็จจำพรรษาในเทวโลกชั้นดาวดึงส์แสดงพระอภิธรรมปิฎก เพื่อตอบแทนคุณของพุทธมารดา ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าทรงพระชนมายุ อยู่นั้น ทรงเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และกลับมายังมนุษยโลกที่เมืองสังกัสคีรี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ประชาชนต่างมารอเฝ้ารับเสด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ในวันนั้นท่านได้กล่าวว่าเป็นวันเปิดโลก ทำให้โลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก ต่างเห็นกันและกัน ประชาชนที่มาจำนวนมากที่มาเฝ้ารอเสด็จต่าง ปารถนาใส่บาตรพระพุทธองค์ โดยประชาชนที่อยู่ห่างออกไปไม่สามารถจะใส่บาตรได้ถึง จึงใช่วิธีการโยนอาหารของตนลงในบาตรของพระพุทธเจ้า และพระสาวก โดยอาหารเหล่านั้นตกลงในบาตรเป็นที่อัศจรรย์
สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในงานมีขบวนแห่ข้าวต้มลูกโยนของชุมชนต่างๆ ที่มาร่วมงานพร้อมกันหน้าบริเวณ โรงเรียนวัดพระพุทธฉาย หลังจากนั้น ขบวนแห่ข้าวต้มลูกโยนเคลื่อนขบวนไปยังวัดพระพุทธฉาย และชมการรำวงในบทเพลง"รำวงสระบุรี"ที่ใช้คนมากที่สุดมากกว่า 3,000 คน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และจะเริ่มพิธีการตักบาตรข้ามต้มลูกโยนซึ่งมีการจำลองการเสด็จลงมาจากสวรรค์ขององค์สัมมาสัมมาพุทธเจ้า เสด็จลงมาจากชั้น ดาวดึงส์ เพื่อลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์ และมนุษย์โลก โดยมีริ้วขบวน นางฟ้า นางสวรรค์ เทวดา เสด็จร่วมขบวน ในระหว่างขบวนแห่มีชาวบ้านรอใส่บาตรด้วยข้าวต้มลูกโยน ข้าวสาร อาหารแห้ง ผลไม้แก่พระภิกษุ-สามเณร และภายในงานยังมีกลุ่มแม่บ้านสาธิตวิธีการทำข้าวต้มลูกโยนให้แก่นักท่องเที่ยวได้ชม
วัดพระพุทธฉายได้ริเริ่มฟื้นฟูประเพณีใส่บาตรข้าวต้มหาง หรือใส่บาตรข้าวต้มลูกโยน โดยพระราชธีราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดสระบุรีและเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย กว่า 10 ปีมาแล้ว และปฏิบัติต่อเนื่องมา ทำให้งานประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยนของวัดพระพุทธฉาย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศ เนื่องจากมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากมาร่วมพิธีนับหมื่นคน สำหรับการทำ"ข้าวต้มลูกโยน" หรือ "ข้าวต้มหาง" ลักษณะคล้ายข้าวต้มมัดแต่มีขนาดเล็กกว่าอีกทั้งในรูปแบบการห่อมีเอกลักษณ์โดดเด่นโดยจะไว้หางยาวเพื่อความสะดวกในการใส่บาตร ซึ่งผู้ที่ทำได้เล่าถ่ายทอด ถึงการทำข้าวต้มลูกโยนว่า ข้าวต้มลูกโยน หรือ ข้าวต้มหาง ทำมาจากข้าวเหนียว ซึ่งจะนำมาผัดกับกะทิคล้ายกับการทำข้าวต้ม มัดแต่จะมีขนาดเล็กกว่า ข้าวต้มลูกโยนที่นี่จะใส่กล้วยถั่วดำและใส่กล้วยสุก แล้วนำมาห่อซึ่งรูปแบบการห่อจะนำใบเตยทำเป็นกรวยม้วนพันไปจนหุ้มข้าวเหนียวโดยทิ้งชายไว้ จากนั้นจะมัดด้วยไม้กลัดก่อนนำไปนึ่งให้สุกอีกประมาณ 7 ถึง 10 นาที อีกครั้ง
ข้าวต้มลูกโยนในวิธีการทำอาจคล้ายคลึงกันใช้ใบไม้ได้หลายชนิดในการห่ออย่างที่นี่ใช้ใบเตยซึ่งเมื่อนำไปนึ่งก็จะมีกลิ่นหอมและเมือสุกแล้ว เมื่อแกะออกจะมีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ทำให้น่ารับประทาน และสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 3 วัน ในอุณหภูมิปกติ อีกทั้งการทำข้าวต้มลูกโยนยังถ่ายทอดความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจในการสืบรักษาประเพณีของชุมชน” “การทำข้าวต้มลูกโยน หรือ "ข้าวต้มหาง"จะนิยมทำขึ้นในวันออกพรรษาประเพณีนี้ ชาวบ้านปฏิบัติสืบสานมาอย่างต่อเนื่องอีกทั้งเป็นประเพณีเก่าแก่ของที่นี่ซึ่งทุกบ้านจะทำข้าวต้มลูกโยนเพื่อนำไปทำบุญตักบาตรเทโวฯ