สทนช. เตือน! "9 จังหวัดใต้" เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก 14-18 พ.ย. นี้
13 พ.ย. 2566, 09:32
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ประกาศฉบับที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 12 พ.ย.66 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้
สทนช.ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบลมตะวันออก พัดปกคลุมอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ทำให้บริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) โดยมีพื้นที่เสี่ยงบริเวณภาคใต้ ต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 14-18 พ.ย.66 ดังนี้
1. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
- จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร ปะทิว และหลังสวน)
- จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ท่าชนะ ไชยา พุนพิน กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก บ้านนาสาร เกาะสมุย และเกาะพะงัน)
- จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ขนอม สิชล นบพิตำ ลานสกา ท่าศาลา ปากพนัง ชะอวด และหัวไทร)
- จังหวัดพัทลุง (อำเภอบางแก้ว ป่าบอน เขาชัยสน อำเภอเมืองพัทลุง และปากพะยูน)
- จังหวัดสงขลา (อำเภอระโนด สะทิงพระ สิงหนคร จะนะ สะเดา และเทพา)
- จังหวัดปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี หนองจิก และแม่ลาน)
- จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเมืองนราธิวาส บาเจาะ ยี่งอ เจาะไอร้อง ตากใบ สุไหงโก-ลก และสุคิริน)
- จังหวัดยะลา (อำเภอเมืองยะลา รามัน ยะหา และบันนังสตา)
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จังหวัดระนอง และสุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
- เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากมวลน้ำที่จะไหลหลากมายังบริเวณพื้นที่เสี่ยง
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์