"เจ้าอาวาสวัด" เบี้ยวนัด คณะสงฆ์ หลังเดินทางมาสอบสวน คดีกักขัง "สามเณร" ในกุฏิ-บังคับให้ช่วยสำเร็จความใคร่
16 ต.ค. 2562, 14:08
ความคืบหน้า กรณีพ่อของสามเณรวัย 13 ปี พาสามเณรเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ว่าลูกชายของตน ถูกเจ้าอาวาสวัดอินทาราม หรือวัดหนองขาว กักขังตัวไว้ในกุฏิ พร้อมบังคับให้สามเณรบีบนวดและช่วยจนสำเร็จความใคร่ หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวสามเณรไปสอบถามข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ขณะที่ทางเจ้าคณะอำเภอท่าม่วงได้ลงพื้นที่วัดอินทาราม พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการสงฆ์ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้วนั้น
วันนี้ 16 ต.ค. 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า บรรยากาศช่วงเช้าวันนี้ ที่วัดอินทาราม ทางพระครูวิสิฐกาญจนกิจ เจ้าคณะตำบลวังขนาย ประธานคณะกรรมการสงฆ์ พร้อมคณะพระวิญญาณุการและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางสงฆ์ ได้เดินทางมาที่วัดอินทาราม เพื่อจะรอสอบข้อมูล จากทางพระครูสังฆรักษ์วินัยอินทวินโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม แต่ปรากฏว่า เมื่อมาถึงกุฏิเจ้าอาวาส กุฏิกลับปิดเงียบ ไร้วี่แววของเจ้าอาวาส โดยเมื่อสอบถามพระลูกวัดและลูกศิษย์ภายในวัด ได้ให้ข้อมูลว่า ทางเจ้าอาวาสเดินทางไปพบหมอที่โรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งทางเจ้าคณะตำบลวังขนาย ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ได้กล่าวว่า ทางคณะกรรมการได้ส่งหนังสือแจ้งมายังเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ว่าทางคณะกรรมการจะเข้ามาดำเนินการสอบข้อมูลจากเจ้าอาวาส ในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 เวลา 09.00 น. ซึ่งทางหลวงพ่อก็ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อคณะกรรมการเดินทางมาถึงวัด กลับไม่พบตัวหลวงพ่อ
ซึ่งก็คงจะต้องมีการติดต่อไปยังตัวหลวงพ่อให้กลับมาเข้ารับการสอบที่วัดภายในวันนี้ แต่หากไม่มาก็น่าจะต้องเลื่อนการสอบไปก่อน ซึ่งล่าสุด เวลา 11.30 น. ก็ยังไม่สามารถติดต่อทางเจ้าอาวาสวัดอินทารามได้ ทางคณะกรรมการสงฆ์ จึงมีมติเลื่อนนัดการสอบข้อมูลออกไปก่อน พร้อมแยกย้ายกันเดินทางกลับ ส่วนเรื่องคดีความที่มีการแจ้งความกันนั้น ทางเจ้าคณะตำบลวังขนายได้กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับทางเจ้าอาวาสวัดอินทาราม ทางคณะสงฆ์ก็จะต้องดำเนินการตามวินัยสงฆ์ ซึ่งอาจจะต้องมีการพักการดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอินทารามไว้ก่อน หรืออาจจะให้สึกจากการเป็นพระ ทั้งนี้ก็ต้องรอหารือกับคณะกรรมการสงฆ์อีกครั้ง
ขณะที่ชาวบ้านซึ่งมารอติดตามสถานการณ์อยู่ภายในวัด มีความคิดเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน บางฝ่าย อ้างว่า เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าอาวาสที่มักจะไปยุ่งเกี่ยวกับสามเณรอย่างไม่เหมาะสมมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีการฟ้องร้องดำเนินคดีเหมือนเช่นครั้งนี้ ขณะที่บางฝ่ายก็อ้างว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ย่อมสร้างความเสื่อมเสียให้กับวัดอินทารามและตำบลหนองขาว ในฐานะคนหนองขาวก็รู้สึกเสียใจและเศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา วัดอินทารามถือเป็นวัดใหญ่ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวตำบลหนองขาวและไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียในลักษณะนี้มาก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นชาวบ้านทุกคนต่างเสียใจ แต่ก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้ว ชาวบ้านก็พร้อมจะยอมรับไม่ว่าผลจะออกมาในทิศทางใด
ด้านพันตำรวจเอกสุวิทย์ ห่วงทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองขาว กล่าวว่า คดีนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ทำการสอบถามข้อมูลจากทางสามเณรเรียบร้อยแล้ว พร้อมสอบปากคำพยานทั้งหมด 4 ปาก และรับเป็นคดีในความผิดฐานกระทำชำเราและอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการเตรียมออกหมายเรียกเจ้าอาวาสเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
.