ลูกสาวกอดแม่ร่ำไห้นำที่นาไปจำนองกู้เงินนอกระบบได้เงิน 400,000 บาท มาให้ลูกสาวเรียนหนังสือ เผยเคยท้อถึงกับคิดจะฆ่าตัวตาย
12 ธ.ค. 2566, 05:15
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง อยู่ในเขต ต.พรหมสวัสดิ์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากทราบว่า มี 2 สามีภรรยา กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะว่าสามีป่วยด้วยโรคเก๊าต์ เดินไม่สะดวก ขณะที่ภรรยาป่วยหลายโรค และมีลูกสาว 1 คนที่กำลังเรียนระดับอุดมศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบว่า สภาพบ้านค่อนข้างเก่ามาก ชั้นบนของบ้านนำเอาสังกะสีมาตีปะเอาไว้แทนฝาบ้าน ชั้นล่างของบ้านพบชายชราคนหนึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือ นายบุญมี อายุ 76 ปี และพบหญิงชราคนหนึ่งกำลังก้มล้างจานอยู่ข้างบ้าน โดยหญิงชราทราบชื่อภายหลังว่า คือ นางนอง อายุ 71 ปี เดินไม่สะดวกเนื่องจากมีอาการปวดหลัง โดยมีหญิงสาวคนหนึ่งคือ น.ส.นภาพร ซึ่งเป็นลูกสาวของ 2 สามีภรรยา เดินมาจูงมือแม่เดินไปนั่งที่แคร่หน้าบ้าน ซึ่งลูกสาวได้นั่งกอดแม่เอาไว้น้ำตาไหลอาบแก้ม เพราะกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและไม่มีเงินที่จะต้องไปเรียนหนังสือ
นางนอง อายุ 71 ปี เล่าว่า น.ส.นภาพร ลูกสาวของตนเป็นลูกหลง เนื่องจากว่า ตนมีลูกตอนอายุแก่มากแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีลูกมาแล้ว ขณะนี้ น.ส.นภาพร ลูกสาวของตนกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ตนต้องพยายามส่งลูกเรียนหนังสือด้วยความยากลำบากมากในการที่จะหาเงินทองที่จะส่งเสียลูกไปเรียนหนังสือ ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายก็จะได้จากเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 2 คน โดยตนกับพ่อของเด็กจะได้รับเงินผู้สูงอายุคนละ 700 บาท รวมเป็นเงิน 1,400 บาท ก็จะนำเอาเงินนี้มาจ่ายเป็นค่าน้ำค่าไฟ นอกจากนี้ตนก็ออกหาเก็บผักเก็บหญ้ามาขายในหมู่บ้านพอเป็นรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งในช่วงที่ลูกสาวกำลังเรียนหนังสือนี้ ตนได้นำเอาที่นาจำนวน 13 ไร่ ซึ่งเป็นที่นาผืนเดียวที่มีอยู่ ไปจำนองเพื่อกู้เงินนอกระบบ ได้เงินมาประมาณ 400,000 บาท ซึ่งได้นำเงินมาใช้จ่ายในการรักษาอาการเจ็บป่วยของตนและสามีและเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกสาวไปเรียนหนังสือ ที่ตัว จ.ศรีสะเกษ ส่วนเงินใช้จ่ายในแต่ละวันก็กู้หนี้ยืมสินจากพี่ ๆ น้อง ๆ ซึ่งพ่อของเด็กป่วยเป็นโรคเก๊าต์ไม่ได้ทำงานอะไร เนื่องจากสุขภาพไม่ดีมีอาการปวดตามแขนขาตลอดเวลา ตนก็ไม่แข็งแรงเนื่องจากมีโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งหากว่าลูกสาวของตนไม่ได้กู้ยืมเงิน กยศ. คงจะไม่สามารถที่จะได้เรียนหนังสือต่อได้ ตนอยากขอฝากถึงท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงการคลัง ขอให้ช่วยเหลือด้วยเพราะว่าเงินทองก็ไม่มี แต่ว่าตนอยากให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือ ตนไม่มีเงินที่จะนำเอามาส่งลูกเรียน พ่อแม่ก็อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่มีเงินรายได้อะไร
น.ส.นภาพร กล่าวด้วยน้ำตาไหลอาบแก้มว่า ขณะนี้ตนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเรียนแต่ละวันก็ค่อนข้างสูงมาก ตนก็ได้ใช้วิธีในการขอยืมเงินจากญาติพี่น้องและขอยืมเงินจากอาจารย์ที่สอนเวลาที่ตนไม่มีเงินที่จะใช้ซื้ออาหารกิน ซึ่งหากว่าตนไม่ได้เงินกู้จาก กยศ. ตนก็คงจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อไป ซึ่งค่าใช้จ่ายแต่ละวันตนต้องหางานพาร์ทไทม์ทำหลังจากที่เลิกเรียนทุกวันแล้ว โดยไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งได้เงินค่าแรงวันละ 200 บาท ซึ่งก็นำเอาเงินค่าแรงที่ได้มาไปใช้หนี้ที่ขอยืมมาและเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันอย่างประหยัดมาก ตนเคยท้อกับชีวิตเพราะหาเงินใช้ไม่ได้จนถึงกับจะฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง เพราะว่าไม่มีเงินใช้จ่าย กองทุน กยศ.คือความหวังของตน ถ้าไม่มีเงิน กยศ. ตนก็คงไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งขณะนี้ตนกำลังเรียนอยู่ ไปทำงานพาร์ทไทม์ก็เลิกดึก ต้องตื่นเช้าต้องรีบไปเรียนหนังสือ แต่ละวันตนเหน็ดเหนื่อยมากและท้อมาก เพราะว่าไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในการไปเรียนหนังสือ ความหวังสุดท้ายที่ตนจะได้เรียนหนังสือคือการขอกู้ยืมเงินจากกองทุน กยศ.เท่านั้น