แพทย์เตือน ! "ไวรัสซิกา" แพร่ระบาด มีผลเด็กในครรภ์ "อีสานใต้" ติดแล้ว 19 ราย
15 ม.ค. 2567, 12:20
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ได้ออกมาแจ้งเตือนประชาชน ว่า ในช่วงนี้ยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนำโดยยุงลายอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งโรคนี้สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเฝ้าระวังและป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด เพราะหากแม่ติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้เด็กที่คลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น
หากมีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่ม เอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ว่า โรคนี้มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทำให้ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และสามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ ทารกเกิดความพิการทางสมองและระบบประสาท ส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 758 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กระจายอยู่ใน 36 จังหวัด โดยพบผู้ป่วยสูงสุดในจังหวัดจันทบุรี รองลงมาจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดตราด ตามลำดับ
ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในเขตสุขภาพที่ 9 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 19 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยพบผู้ป่วยใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 14 ราย และจังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 5 ราย ส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดชัยภูมิ ยังไม่พบรายงานผู้ป่วย กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ 10-14 ปี รองลงมาคือ 0-4 ปี และ 5-9 ปี ตามลำดับ
นายแพทย์ทวีชัย กล่าวว่า ขอแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ควรป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด ไปฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์จนกว่าจะคลอด หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิกาต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูตินรีแพทย์ ในประชาชนทั่วไปขอให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และในชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ
1. เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก
2. เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
3. เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมถึงการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัดด้วยการทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย
นายแพทย์ทวีชัย กล่าวว่า ขอให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ได้แก่ ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด มารับประทาน และให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422