"สมศักดิ์" ร่วมยินดี ป.ป.ท.ครบรอบ 16 ปี ชื่นชมการทำงาน ตัวเลขดัชนีรับรู้การทุจริตดีขึ้น
25 ม.ค. 2567, 15:50
วันนี้ ( 25 ม.ค.67 ) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันครบรอบการสถาปนา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ปีที่ 16 โดยมี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และผู้บริหาร ป.ป.ท. เข้าร่วม ที่โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ จังหวัดนนทบุรี
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ป.ป.ท. เป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ในการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยขณะนี้ ถือว่า ป.ป.ท. ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ตัวเลขประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI ดีขึ้น รวมถึงเรื่องร้องเรียน การทุจริตก็ลดน้อยลง ซึ่งตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน มีสถิติการรับเรื่องร้องเรียน จำนวน 39,903 เรื่อง และมีแนวโน้ม การรับเรื่องร้องเรียนน้อยลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 โดยการประเมินสถานการณ์การทุจริต คอร์รัปชันในระดับโลกจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้ประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI จาก 180 ประเทศทั่วโลกโดยใน 2564 ประเทศไทย ได้ 35 คะแนน จัดอยู่ในอันดับ ที่ 110 ของโลก แต่ในปี 2565 ประเทศไทยได้ 36 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก ลดลงมา 9 อันดับ ซึ่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องมีคะแนนประมาณ 73 คะแนน หรืออยู่อันดับ 1 ใน 20 ของโลกภายในปี 2576-2580 เพื่อขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไป
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาล มีนโยบาย ทั้งด้านการใช้หลักนิติธรรม หรือ Rule of Law ที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือของคนในประเทศ เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทางความคิดและสังคมที่สำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือ โดยใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ และยังมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ขจัดช่องโหว่ในการทุจริต ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการทำงานของภาครัฐ ให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“รัฐบาล มีความยินดีที่จะส่งเสริมให้ ป.ป.ท. พร้อมกับหน่วยงานเครือข่าย รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ถึงพิษภัยและความร้ายแรงต่อการเพิกเฉยและปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเงินงบประมาณ ที่เกิดจากเงินภาษีของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายในการป้องกัน และเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็น อีกหนึ่งการดำเนินงานที่สำคัญในการป้องกันและขจัดการทุจริตที่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ ป.ป.ท. จะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่กลับมีภารกิจและความรับผิดชอบครอบคลุมหน่วยงานในภาครัฐทั่วประเทศ เพื่อให้งบประมาณของแผ่นดินถูกใช้อย่างคุ้มค่า ประเทศชาติได้รับการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีมีสุข จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ป.ป.ท. เป็นองค์กรหลักที่เป็นกลไกของฝ่ายบริหารในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของภาครัฐ ตามความคาดหวังของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 25 มกราคม 2567 ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ท. ครบรอบ 16 ปี และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ตนขอมอบแนวทางในการดำเนินงาน สำหรับเป็นทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ท.ในอนาคต โดยแบ่งเป็นงานสำคัญ 3 ด้าน คือ ป้องกัน ป้องปราม และ ปราบปราม รวมถึงอีกประเด็นสำคัญคือ ร่าง พ.ร.บ. มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่สำคัญ เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจให้ ป.ป.ท. สามารถตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร เป็นการยกระดับให้ประเทศมีความโปร่งใสมากขึ้น จึงขอให้ ป.ป.ท.เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยทำให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหมดไป