เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



น้าทะเลาะหลาน คว้ามีดแทงสาหัส ก่อนหลบหนี


29 ม.ค. 2567, 14:16



น้าทะเลาะหลาน คว้ามีดแทงสาหัส ก่อนหลบหนี




 


เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 27 ม.ค. 67 ร.ต.อ.อุดมวิทย์ ชูบัวทอง รอง สว.(สอบสวน)สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุแทงกันได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณหลังบ้านเลขที่ 224 หมู่บ้านสระบัว ม.6 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.นรากร  เอียดช่วย รอง ผกก.ป., พ.ต.อ.อภิชาติ จันทร์สำเร็จ ผกก.,พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.(สอบสวน),พ.ต.ท.สมชาย มวยดี รอง ผกก.สส.,พ.ต.ท.อภิรักษ์ จันทวิเศษ สว.สส.,,พ.ต.ท.ธีระพร  ศักดิ์ศรี สวป.,เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ ไปที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบผู้บาดเจ็บชื่อนายนิรุตติ์   โต๊ะละหมัด อายุ 34ปี อยู่ม.6 ต.ท่าศาลา มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเดือยแก่ข้าลำคอซ้าย1แผล,ชายโครงซ้าย1แผล,หัวเข่าซ้าย1แผลฉกรรจ์ รวมจำนวน3แผล ซึ่งจนท.มูลนิธิประชาร่วมใจได้รีบนำคนเจ็บส่ง รพ.ท่าศาลา แพทย์ได้ช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยแล้ว

ส่วนคนแทงทราบชื่อนายจรัส  ห้วยลึก อายุ 45ปี ซึ่งเป็นญาติมีศักดิ์เป็นน้ากับคนเจ็บ ได้ทิ้งมีดหลบหนีไป่ก่อนหน้านี้แล้ว โดยในที่เกิดเหตุพบแต่เพียงกองเลือด1กองและอาวุธมีดเดือยไก่ที่ใช้ก่อเหตุจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนเบื้องต้นสอบปากคำนายธนธรณ์ กลางนาค เจ้าของบ้านและผู้แจ้งทราบว่านายจรัส คนแทงและนายนิรุตติ์ ผู้บาดเจ็บมีศักดิ์เป็นน้ากับหลานกัน และเคยทำงานเป็นคนงานรับจ้างปอกมะพร้าวแห่งเดียวด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้มีพูดคุยและมีปากเสียงทะเลาะกันด้วยสาหตุไม่ถูกกันมาก่อน

ก่อนเกิดเหตุ ทราบว่าตัวผู้ก่อเหตุ ชื่อ จรัส ห้วยลึก อายุ 45 ปี  ว่าเป็นผู้ก่อเหตุได้ขี่รถ จยย.มาหานาย นิรุตติ์ฯ บริเวณหลังบ้านดังกล่าว จากนั้นได้มีปากเสียงกันและได้ใช้อาวุธมีดแทงนายนิรุตติ์ฯ ตนจึงได้เข้าขัดขวางแย่งมีดมาจากนายจรัสฯ และนายจรัสฯได้ขี่รถจยย.หลบหนีไป  หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้ราที่มูลนิธิประชาร่วมใจได้นำส่ง รพ.ท่าศาลา แพทย์ช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว และทางตำรวจจะได้ล่าตัวนายจรัสฯมือแทงรายนี้มาดำเนินคดีตามกม.ต่อไป

ล่าสุดศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติออกหมายจับนายจรัส ห้วยลึก มือแทงรายนี้แล้วกำลังล่าตัวมาดำเนินคดีตามกม.ต่อไปคาดได้ตัวเร็วๆนี้.









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.