เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เก๋งประสานงากระบะ ถนนพระแท่น-กำแพงแสน ดับ 1 สาหัส 5 


4 ก.พ. 2567, 11:08



เก๋งประสานงากระบะ ถนนพระแท่น-กำแพงแสน ดับ 1 สาหัส 5 




 

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 67 พ.ต.ต.สัณหพจน์ ทองศรี พนักงานสอบสวนเวร สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถชนกันหลายคันมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุและได้รับบาดเจ็บหลายราย บนถนนสายพระแท่น-กำแพงแสน หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จึงรุดไปตรวจสอบที่เหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.กำแพงแสน เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม

ที่เกิดเหตุ ที่ กม.29 มุ่งหน้าพระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี ก่อนถึงตลาดหนองกร่าง พบมีรถยนต์เก๋งกระบะชนประสานงาอยู่กลางถนนซึ่งมีผู้ติดอยู่ในรถเจ้าหน้าที่ได้เร่งนำร่างออกจากตัวรถหลายราย โดยที่รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีเทาดำ ทะเบียน 5 กธ 7213 กรุงเทพ มีผู้โดยสารนั่งมาหลายคน เป็นหญิง 4 รายและเด็ก 1 คน ซึ่งมีร่างของ น.ส.อโณชา สุพรม อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นั่งหมดสติอยู่บนที่นั่งคนขับและมีแอคแบ๊คแตกอยู่ ซึ่งได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้โดยสารที่มาด้วย ด.ช.นราวิทย์ หนูปราง อายุ 5 ปี น.ส.เจนจิรา อวบอินทร์ อายุ 18 ปี ด.ญ.ณัชชานันท์ หนูปรางค์ อายุ 11 ปี และน.ส.ณิชานันท์ สุพรม อายุ 15 ปี ทั้ง 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากถูกแรงกระแทกได้ถูกส่งตัวมาที่ รพ.ศูนย์นครปฐม รวมผู้ที่โดยสารมาในรถยนต์เก๋ง จำนวน 5 ราย ส่วนรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน นษ 91 สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีเหล็กโครงหลังแต่ไม่ได้บรรทุกอะไรมา มีนายครรชิต ทองคำ อายุ 30 ปี ขับขี่มา ได้รับบาดเจ็บขาขวาปูดบวมและแน่นหน้าออก ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.กำแพงแสน 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์ทั้ง 2 คันวิ่งมาบนถนนสายดังกล่าวซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดนครปฐมและจังหวัดกาญจนบุรี น่าจะมีคันใดคันหนึ่งวิ่งกินเลนเข้ามาชนกันอย่างจังทำให้เกิดอุบัติเหตุสลดดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังไล่หาข้อมูลและพยานที่เห็นเหตุการณ์มาให้ปากคำอีกครั้งเพื่อสรุปว่าใครเป็นฝ่ายผิดก่อนจะดำเนินคดีกฏหมายต่อไป โดยตอนนี้ได้เร่งกันนำตัวคนเจ็บส่งรพ.อย่างเร่งด่วนและมีการย้ายโรงพยาบาลเพื่อเร่งช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 รายเพื่อให้พ้นวิกฤติก่อน 
 









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.