เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 6 ก.พ.67 พ.ต.ต.นฤพล  นิลพันธ์  สารวัตรป้องกันปราบปราม(สวป)สภ.เมืองชุมพร  ร.ต.อ.ไสว  เลื่อนแก้ว  รอง สวป.พร้อมพวก และตำรวจเก็บกู้วัตถุระเบิดภูธรจังหวัดชุมพร(EOD) นำกำลังเข้าตรวจสอบกระเป๋าขนาดใหญ่ต้องสงสัยสีดำแบบมีหูลาก วางอยู่ข้างตู้เอทีเอ็มหน้าร้านจำหน่ายแช่แข็งอาหารสด ริมถนนกรมหลวงชุมพร ตั้งอยู่ระหว่างซอย 3 และซอย 5 ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนผู้คนพลุกพล่านใจกลางเมืองชุมพรเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องปิดกั้นจราจรในรัศมีระยะ 150 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวได้รับอันตรายเพราะด้านในยังไม่สืบทราบได้ว่าเป็นอะไรกันแน่

       โดยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ทำการเคลื่อนย้ายกระเป๋าออกจากบริเวณตู้เอทีเอ็มมายังจุดที่ปลอดภัยห่างกันประมาณ 30 เมตร เมื่อเริ่มปฏิบัติการตามขั้นตอนเก็บกู้โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถเปิดกระเป๋าได้อย่างปลอดภัยทุกคนต่างโล่งใจ   
          ด้านในปรากฏพบว่า  บรรจุเสื้อผ้าไว้เต็มกระเป๋าจำนวนหลายชิ้นแต่ไม่ทราบว่าเสื้อผ้าผู้หญิงหรือชาย พร้อมทั้งมีโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง และสายไฟไฟอีกเส้นหนึ่ง จึงรวบรวมใส่กระเป๋าไว้พร้อมทั้งห่อด้วยถุงดำอีกครั้งก่อนนำไปเก็บไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและสืบสวนสอบสวนติดตามหาเจ้าของกระเป๋าต่อไป
         ส่วนนางเทพินทร์  สุทธิมุข  อายุ 65 ปี เป็นประธานชุมชนกรมหลวง 2 และเป็นคนที่พบกระเป๋าแล้วโทรนแจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบ  เล่าว่า ตนเองมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มหน้าร้านจำหน่ายอาหารแช่แข็งดังกล่าวเห็นกระเป๋าสีดำใบใหญ่วางอยู่ใกล้กับตู้เอทีเอ็มจึงเข้าไปถามพนักงานภายในร้าน ได้ความว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเห็นวางอยู่ใกล้ตู้แช่บริเวณหน้าร้านตั้งแต่ 3 ทุ่มของเมื่อคืน(5 ก.พ.) ก่อนปิดร้านได้ย้ายมาไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม
        นางเทพินทร์ เล่าอีกว่า หลังจากนั้นได้โทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ โดยเข้าไปสอบถามแรงงานชาวเมียนมาในซอยใกล้จุดพบกระเป๋า โดยชาวเมียนมาซัดว่าคนไทยเป็นคนวางกระเป๋าไว้  คนไทยคนดังกล่าวซัดกลับว่าชาวเมียนมานั่นและเอาไปวางไว้   ซึ่งซัดทอดกันไปมาจนไม่รู้ว่ากระเป๋ามาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร จนกระทั่งให้ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ สุดท้ายเปิดดูพบเป็นเสื้อผ้าและโทรศัพท์ดังกล่าว