วันนี้ ( 18 ก.พ.67 ) เวลา 11.56 น. ณ อาคารสัมมนา 3 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมหารือแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาของจังหวัดสกลนครร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสกลนคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญสรุป ดังนี้

นายกฯ รับทราบและติดตามประเด็นการพัฒนาที่สำคัญของจังหวัดสกลนคร อาทิ สภาพปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในลุ่มน้ำยามและน้ำอูม (การแก้ปัญหา เช่น การขุดลอกลำน้ำยามแก้ปัญหาน้ำท่วม) ด้านการคมนาคม (โลจิสติกส์) ได้แก่ โครงการขยายทางหลวงเพิ่มช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 222 สาย อ.พังโคน-บึงกาฬ ตอนวานรนิวาส-อ.คำตากล้า ด้านพัฒนาอาชีพและการท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการศูนย์การเรียนรู้การผลิตโคขุนโพนยางคำแบบครบวงจร เพื่อยกระดับ  ถ่ายทอดองค์ความรู้ เพิ่มมูลค่า สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน ด้านเศรษฐกิจฐานราก สกลนครโมเดล นำนวัตกรรมมาพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน มีเป้าหมายเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 10,000 บาทต่อเดือน ตลอดจนภาคเอกชนขอให้ภาครัฐสนับสนุนงบฯ กิจกรรมด้านคราม ต่าง ๆ 

นายกฯ ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของทุกหน่วยงาน จากข้อมูลดังกล่าวทำให้รับทราบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้มาจากด้านการเกษตร และเป็นจังหวัดที่มี GDP ต่ำเป็น bottom 15 ของประเทศ แต่ไม่มองว่าจังหวัดสกลนครมีปัญหา แต่เป็นโอกาสและมีศักยภาพได้อีกหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องของการเกษตรที่เป็นรายได้ 80% ของประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งนอกจากเรื่องพื้นที่ทำกิน โดยรัฐบาลมีความตั้งใจในการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ต่อประชาชน สำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่เสนอมานั้น จะนำไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพื้นที่รับน้ำจังหวัดสกลนคร โดยให้กรมชลประทานบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพระบบชลประทานของจังหวัดให้ครอบคลุมและทั่วถึง สามารถใช้ประโยชน์ได้ตลอดทั้งปี ให้กระทรวงเกษตรฯ ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำเสียเพื่อการเกษตร ให้ใช้พื้นที่หนองหารให้เต็มศักยภาพ ให้กรมชลประทานบริหารจัดการการปล่อยน้ำและรับน้ำในพื้นที่ ให้ประชาชนและเกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี ให้ปรับเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาเข้าไปด้วย เมื่อมีการตกลงเรื่องการคืนพื้นที่แล้วระหว่างกรมที่ดิน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมประมง และให้กรมประมงเพิ่มปริมาณการปล่อยปลาให้ครอบคลุมสอดคล้องกับความต้องการของตลาด

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องคมนาคมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก็มีส่วนทำให้พื้นที่เจริญเติบโตได้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาค และได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงโครงการขยายทางหลวงเพิ่มช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 222 ในปี 2567 โดยขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ ควบคุมในระหว่างการก่อสร้างให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน สำหรับเส้นทางหมายเลข 222 พิจารณาแล้วมีความสำคัญในการเชื่อมโยงขนส่งระหว่างสะพานมิตรภาพแห่งใหม่ที่จะเปิดขึ้นในปีนี้ ที่จังหวัดบึงกาฬ เชื่อมโยงไปยังภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงเป็นเส้นทางหลักในแนวเหนือ ใต้ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกเส้นทางหนึ่งนอกจากทางหลวงหมายเลข 2 หรือถนนมิตรภาพ โดยเมื่อพัฒนาแล้วจะช่วยแบ่งเบาภาระกรณีอุบัติเหตุ รัฐบาลจะผลักดันผ่านกระทรวงคมนาคมให้มีการปรับปรุงเส้นทางต่อไปโดยเร็ว

สำหรับเรื่องการผลักดันโคขุนนั้น นายกฯ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะตลาดโลกมีความต้องการโคมาก เช่น จีน และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอาหารมีการลงทุนข้ามชาติไปซื้อโรงงานเชือดวัวที่ประเทศบราซิล เชือดวัวต่อวันประมาณ 45,000 ตัวต่อวัน ซึ่งประเทศไทยมีโรงเชือดใหญ่ที่สุดอยู่ที่ จ.ชุมพร เชือดวัวได้ประมาณ 200 ตัวต่อวัน โดยตรงนี้ได้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม พยายามที่จะพัฒนาขึ้นให้เชือดได้ต่อวันมากขึ้นเป็นพันตัวต่อวันด้วย ทั้งนี้ หากเราส่งวัวไปขายเป็นตัว สมมติราคาตัวละ 100 บาท แต่ถ้าชำแหละแล้วตัวหนึ่งจะเป็น 140 บาท มูลค่าจะเพิ่มขึ้นอีก 40% ซึ่งจากที่ได้เยี่ยมชมงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริแล้ว ทำให้รู้สึกทึ่งเห็นถึงศักยภาพความสามารถของเกษตรกรไทย ที่สามารถทำวัวได้มีคุณภาพเทียบเท่ากับของญี่ปุ่น ตรงนี้รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจในความสามารถของเกษตรกรไทยที่ทำตรงนี้ได้อย่างดี น่าจะมีการจดลิขสิทธิ์ ต่าง ๆ  และให้มีการเผยแพร่โดยเร็ว เพื่อนำรายได้มาสู่เกษตรกร สามารถยกระดับ GDP ของจังหวัดสกลนครได้อีกมาก รวมถึงการส่งเสริมเรื่องของไก่ดำ แพะ กระต่าย ซึ่งเป็นสัตว์ทีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง

“ขอบคุณโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการบ่มเพาะความรู้แล้วมาขยายให้ประชาชน หวังว่าจะมีการต่อยอดต่อไปให้มากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสินค้าการเกษตร ยา สมุนไพร เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนชาวสกลนครมีรายได้มากขึ้น ตรงนี้ก็พร้อมรับไปสนับสนุนดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง” นายกฯ กล่าว

นายกฯ ยังกล่าวถึงการขยายตัวของประชาชนที่อยู่ในแอฟริกา และทวีป Middle East มีการเพิ่มของจำนวนประชากรมากและนับถือศาสนาอิสลาม มีการประกอบอาหารฮาลาล ซึ่งโคเป็นอาหารอีกตัวหนึ่งซึ่งเขามีตลาดรองรับมาก โดยทีมงานนายกฯ สำนักนายกฯ ได้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด ในการส่งอาหารฮาลาลสำเร็จรูปกระจายไปทั่วโลก ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นโอกาสให้กับจังหวัดสกลนครได้มีส่วนร่วมได้ รวมทั้งนายกฯ ย้ำว่าจังหวัดสกลนคร มีผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพมาก ทั้งด้านการเกษตร คราม ซึ่งตรงนี้ภาคเอกชนไทยหลายรายมีความแข็งแกร่งในการที่จะช่วยเหลือ เช่น เซ็นทรัล กรุ๊ป ที่มี Department Stores อยู่ทั่วโลก จึงได้ขอร้องทางผู้บริหารระดับสูงที่่มาในวันนี้ ได้ช่วยสนับสนุนพี่น้องชาวสกลนครด้วย และขอบคุณเซ็นทรัลที่จะนำสินค้าไปขายใน Tops ก่อน แล้วหาช่องทางที่จะไปขายในต่างประเทศ เพื่อเป็นความหวังและแรงบันดาลใจให้กับเกษตรกรไทย