เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 11 มี.ค.67 นายสำราญ  สมหวัง  อายุ 74 ปี พร้อมญาติพี่น้อง เดินทางไปยังศูนย์ราชการสามแก้ว ตำบลนาชะอัง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ที่ตั้งสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร เพื่อทวงถามความคืบหน้าต่อ พล.ต.ต.ภานุเดช  ณ  พัทลุง ผู้บังคับการตำรวจภูธร(ผบก.)จังหวัดชุมพร เกี่ยวกับคดีที่นายขนบ  สมหวัง หรือสมาด  อายุ 56 ปี น้องชายและเป็นเจ้าของสนามชนไก่ได้หายตัวไปพร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ แต่รถสามารถติดตามมาได้ส่วนนายขนบ ยังสูญหายไม่พบตัว ผ่านมากว่า 1 เดือนเรื่องยังเงียบ ไม่รู้น้องชายเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่รู้จะพึ่งพาใครนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจถ้าเรื่องยังเงียบจำเป็นต้องเดินต่อเพื่อให้เจอน้องชาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่ามีการจับตัวผู้ต้องหาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ราย

        โดยพล.ต.ต.ภานุเดช ฯได้พูดคุยกับกลุ่มญาติเจ้าของสนามชนไก่ ผู้สูญหายเพื่อคลายข้อสงสัยพร้อมกับชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวได้ติดตามการทำข่าวความคืบหน้าในครั้งนี้ด้วยว่า  “กว่า 1 เดือนที่นายขนบหายตัวไปนั้น ทางการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 5 คน ทราบว่าต่างคนต่างแบ่งหน้าที่กันทำ แต่สำหรับตัวผู้สูญหายทางตำรวจยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เนื่องจากว่าไม่พบศพ ฉะนั้นตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนกันต่อ ส่วนในเรื่องของรถซึ่งเป็นวัตถุของกลางในคดีได้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องไปทั้งหมดแล้ว 

      ส่วนความคืบหน้าในเรื่องของการตามหาตัวคนหายทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคระทำงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คืบหน้าก็จะรายงานให้ทราบต่อไป  เบื้องต้นผู้ต้องหา 5 คนไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวพันส่วนตัวกับผู้สูญหาย แต่มีเรื่องความเกี่ยวเนื่องกับการครอบครองรถในห่วงเวลานั้นและสถานที่ต่างๆนั้น ก็ปรากฏตามพยานหลักฐาน ส่วนที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจะติดต่อกับผู้สูญหายนั้นตรวจสอบไม่มี
        ขณะนี้ยังไม่ชี้ชัดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าผู้สูญหาย หายไปด้วยสาเหตุใด เนื่องจากไม่ยังไม่พบตัว และคำให้การของภรรยาที่เหตุผลของนายขนบหายตัวไปซึ่งเก็บไว้ในสำนวนแล้ว ส่วนว่าจะรับฟังได้ขนาดไหนต้องมาวิเคราะห์อีกที ขณะนี้จับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย มีผู้หญิงที่เกี่ยวข้องคดี 1 ราย เป็นชาย 3 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่มของผู้รับซื้อขายรถ”

        ด้านนายสำราญฯพี่ชายผู้สูญหาย กล่าวหลังจากได้รับการชี้แจงของผู้การฯตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรว่า  “ตนเองรู้สึกดีใจใจชื้นขึ้นมาอีกนิดที่ตำรวจยังติดตามอย่างต่อเนื่องของผู้กระทำความผิด พร้อมกับให้กำลังใจบอกว่าตำรวจไม่เคยลดละติดตามผู้ร้าย ก่อนหน้านี้ตนเองคิดว่าเรื่องคงเงียบ แต่หลังจากได้รับคำชี้แจงแล้วเชื่อประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ว่าจะติดตามตัวคนร้ายปิดคดีได้ในเร็ววันขอบคุณตำรวจทุกคน  ส่วนปมเหตุพี่ชายผู้สูญหายเชื่อส่วนตัวว่า “เรื่องปัญหาครอบครัว”