เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"หนุ่มใหญ่" ถูกฆ่าดับปริศนาคาบ้าน อดีตภรรยานั่งเฝ้าศพหลายวัน ลูกสาวไม่เชื่อแม่ทำร้ายพ่อ


25 มี.ค. 2567, 13:09



"หนุ่มใหญ่" ถูกฆ่าดับปริศนาคาบ้าน อดีตภรรยานั่งเฝ้าศพหลายวัน ลูกสาวไม่เชื่อแม่ทำร้ายพ่อ




 

วันนี้ (24 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ตร.พิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.บ้านดุง และตร.สภ.บ้านดุง เข้าตรวจสอบศพถูกฆาตกรรมจนขึ้นอืดที่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 3 บ้านคำบอน ต.นาคำ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังมีชาวบ้านไปพบศพนายสมนึก เขียวค้อม อายุ 57 ปี เสียชีวิตอยู่ระเบียงหน้าบ้านของนางพวงพร จันทะวงศ์ หรือ หนุงหนิง อายุ 49 ปี อดีตภรรยา โดยสภาพศพนอนเสียชีวิตคว่ำหน้ามีบาดแผลถูกของมีคมฟันเข้าที่บริเวณศีรษะ สภาพศพขึ้นอืด มีเลือดกระจายเต็มพื้นกระเบื้องระเบียงหน้าบ้าน โดยเลือดเกือบจะแห้งหมดแล้ว ศพสิ่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 7 วัน  ขณะที่ภายในบ้านเจ้าหน้าที่พบกับเจ้าของบ้านคือนางพวงพรอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน คาดว่าเฝ้าศพอดีตสามีถูกฆ่าตายมาหลายวัน  และเจ้าตัวมีอาการป่วยทางประสาทและป่วยซึมเศร้า ยังมีอาการเหม่อลอยและตกใจ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปรพ.สมเด็จพระยุพราชให้การรักษาต่อไป ส่วนศพนายสมนึก เจ้าหน้าที่ฯได้นำศพไปผ่าพิสูจน์ที่รพ.ศรีนครินทร์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป 

โดยช่วงสายวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังเกิดเหตุจุดที่พบศพอีกครั้ง โดยพบว่าสภาพของบ้านเป็นบ้านยกพื้นชั้นเดียว หน้าบ้านมีเชือกฝางกั้นไว้ห้ามเข้า บริเวณที่พบศพเป็นระเบียงหน้าบ้าน มีรองเท้าคาดว่าเป็นของคนรายอยู่ 1 คู่ และมีกองเลือดที่แห้งเกรอะกริงเต็มพื้นกระเบื้องระเบียงหน้าบ้าน และรอยเลือดติดอยู่ระเบียงตรงที่นั่ง ยังมีกลิ่นศพเหม็นคละคลุ้งหลงเหลืออยู่  และเมื่อส่องเข้าไปในบ้าน สภาพบ้านรกรกรุงรัง มีเสื้อผ้า ขวดใส่น้ำ ผ้าห่ม ยังหลงเหลืออยู่

นายสาคร ปาลสุโต ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 บ้านคำบอนเปิดเผยว่า เมื่อวานมีชาวบ้านไปแจ้งตนว่ามีกลิ่นเหม็นรุนแรงคล้ายกลิ่นปลาร้าออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งจึงออกมาตรวจสอบ ตกใจแทบช็อคก็พบว่ามีศพนอนตายที่บริเวณหน้าบ้าน และพบนางพวงพรเจ้าของบ้าน นั่งอยู่ในบ้านเฝ้าศพอดีตสามีตัวเองอยู่ จึงรีบโทรแจ้ง 191 ต่อมาตร.สภ.บ้านดุงเข้ามามาตรวจสอบ โดยสภาพศพผู้เสียชีวิตนั้นขึ้นอืดเปื่อยนอนคว่ำหน้าเป็นผู้ชาย 

เท่าที่รู้ทั้ง 2 คน เคยเป็นสามีภรรยากันแต่ตั้งแต่เขาเลิกราแยกทางกันเกือบสิบปีแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ชายนานๆครั้งจะมาหา โดยบ้านหลังนี้มีผู้หญิงคือนางหนิงอยู่บ้านคนเดียวและมีอาการป่วยทางจิตประสาทและป่วยซึมเศร้า ชีวิตส่วนใหญ่ของผู้หญิงชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าจะไม่ออกจากบ้านไม่มีการมีงานทำจะกักตัวอยู่ในบ้านเงียบๆ แต่ลูกส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นอาจจะเกิดจากถูกฆาตกรรม ส่วนจะใครจะฆ่านั้นคงต้องรอตร.สืบสวนหาสาเหตุต่อไป โดยทราบจากชาวบ้านว่า เกือบ 1 อาทิตย์แล้วที่นายสมนึกได้ขับรถจยย.มาหาอดีตภรรยาคือนางหนิง แล้วถูกฆ่าตาย จนมีชาวบ้านได้กลิ่นศพจึงมาบอก 

นางประพิณ ขันเงิน หรือตุ่น อายุ 70 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เล่าว่า ขณะกำลังรดน้ำต้นไม้ที่สวนได้กลิ่นเหม็น ออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว แต่ตนเองก็ไม่ได้สงสัยว่าจะมีการเสียชีวิตที่บ้านคิดว่าสัตว์ตาย หลายวันผ่านไปก็ยังมีกลิ่นเหม็นแรงขึ้น จึงออกตามหาบริเวณรอบบ้านทั้งโรงรถก็ไม่พบซากสัตว์เน่าตาย เมื่อวานเหม็นมากชาวบ้านบอกให้ตนขึ้นไปดูที่บ้านหลังนี้แต่ตนก็ไม่กล้าไปเนื่องจากกลัวเพราะเคยขึ้นไปแล้วถูกนางหนิงเจ้าของบ้านด่ากลับมา ต่อมาทนกลิ่นเหม็นไม่ไหวจึงให้หลานพาไปดูจึงพบศพคนเสียชีวิตจึงรีบโทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ออกมาดู 

สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นเป็นหลานเขย นางพวงพรก็เป็นหลานเหมือนกัน จะอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว และมีอาการทางประสาท ตอนคนคบกันกับนายสมนึกคนตาย ได้ลูก 3 คน โตและแยกย้ายไปมีครอบครัวมีงานทำหมดแล้ว แต่ยังส่งเงินมาดูแลให้แม่เขาใช้จ่าย ล่าสุดก่อนจะมาพบศพนายสมนึกอดีตสามีเห็นเขาขี่รถจยย.เวฟสีดำแดงมาหาอดีตภรรยาที่บ้าน ก็แปลกใจว่ามาทำไมหรือเขาจะคืนดีกัน กระทั่งมารู้ว่าถูกฆ่าตาย คิดว่านายสมนึกถูกฆ่าเพราะนางพวงพรเพราะเขามีอาการทางประสาท 


นายอรุณ ขันเงิน อายุ 43 ปีเพื่อนบ้านบอกว่า ผมก็นอนอยู่ศาลาหน้าบ้านที่พบศพคนตาย ไม่สงสัยอะไรและไม่เอะใจว่ามีการฆ่ากันตาย เพราะช่วง 1 อาทิตย์ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกันด้วย มารู้อีกทีได้กลิ่นนึกว่าปลาร้าแต่ก็ไม่สนใจ จนมีตร.มาที่บ้านหลังดังกล่าวว่าพบศพนายสมนึกนอนตายระเบียงหน้าบ้านแล้ว 

ด้านแม่มี อายุ 63 ปี (สงวนชื่อสกุลจริง) เพื่อนบ้านรายหนึ่งเปิดเผยกับนักข่าวว่า ทุกวันพระผู้หญิงจะมีอาการของขึ้น ชอบพูดคนเดียว ร้องด่าคนชาวบ้าน ชาวบ้านแถวนี้ไม่เคยมีใครสุงสิงและไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ตนเองก็เช่นกัน เนื่องจากกลัวเพราะเขาเป็นคนสติไม่สมประกอบและมีอาการป่วยทางจิต ส่วนตัวคิดว่าการเสียชีวิตของผู้ชายคาดว่าจะตัวผู้หญิงเป็นคนลงมือก่อเหตุ ไม่คิดว่าจะมีคนอื่นมาฆ่า

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 190 หมู่ 1 บ้านนาคำ ต.นาคำ ซึ่งเป็นบ้านของนายสมนึก ญาติๆ กำลังเตรียมงานศพ โดยจะนำร่างนายสมนึกกลับมาที่บ้านเพื่อทำพิธีทางศาสนาในวันพรุ่ง  นางวันดี เขียวค้อม อายุ 80 ปี แม่นายสมนึก บอกว่า ลูกชายกับนางพวงพรเลิกกันนานแล้ว แต่ก่อนเป็นรปภ.ที่กรุงเทพฯ มาอยู่บ้านตอนนี้เช่านาปลูกข้าว ไม่ค่อยได้คุยกับลูกชายคนนี้เพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน เข้ากับพี่น้องไม่ได้ และเขากลับไปหาเมียเก่าเขาเมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้อีกทีมีชาวบ้านแจ้งว่าลูกชายตายแล้ว ก็คงไม่เอาผิดใครปล่อยไปตามกรรมแล้วกัน

 ส่วนนายนิกร เขียวค้อม อายุ 40 ปีน้องชายนายสมนึก บอกว่า เชื่อว่าพี่ชายถูกฆ่าตายเพราะอดีตภรรยาเขาแน่นอน ตอนเขาคบกันก็มีเรื่องทะเลาะกันหลายครั้ง และอดีตภรรยาก็เคยทำร้ายสามี จนตีหัวแตกหลายครั้ง หลังจากเลิกกับคบกัน พี่ชายไปได้ภรรยาใหม่ก็เลิก ส่วนพี่สะใภ้ก็ไปได้ผัวฝรั่งก็เลิกอีก เห็นบอกว่าอดีตพี่สะใภ้ที่เขาเป็นบ้าเพราะไปเล่นของอะไรไม่รู้ อันนี้ได้ยินมาแบบนี้ ส่วนจะจริงหรือไม่ไม่รู้

น้องส้ม อายุ 30 ปีลูกสาวของนางพวงพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มีโอกาสไปเช็ดตัวให้แม่ที่โรงพยาบาลฯ หนูติดใจเรื่องการเสียชีวิตของพ่อ และที่หลายคนสงสัยคิดว่าแม่ที่มีอาการป่วยจิตประสาทจะเป็นคนฆ่าพ่อ ยังไม่ปักใจเรื่องนี้ เพราะศพพ่อนอนคว่ำหน้า คล้ายถูกทำร้ายด้วยอาวุธจากด้านหลัง โดยพ่อนั่งอยู่ระเบียงหน้าบ้านหันหน้าเข้าตัวบ้าน พอถูกฟันก็ล้มคว่ำหน้าไปเลย ตร.เอามีด 3 เล่มไปตรวจสอบไม่พบร่องรอยเลือดในมีด และถ้าแม่ฆ่าพ่อถือมีดเข้าบ้านจะไม่มีรอยเลือดหยดในบ้านเลยหรือ อีกอย่างตามร่างกายของแม่ก็ไม่พบรอยขีดข่วนหากแม่ทำร้ายก็ต้องมีการต่อสู้กันบ้าง อีกอย่างผิดสังเกตคือระเบียงกับท่าพ่อนั่งจะสูงรวมกันเกือบ 2 เมตรแต่แม่มีความสูง 153 ซม.และเป็นคนถนัดซ้ายแต่ดูจากสภาพศพเหมือนฟันด้วยมือขวา ตนเองไปสอบถามแม่ แม่ก็บอกว่า ไม่ได้ฆ่าพ่อ ช่วยเรื่องคดีให้แม่ด้วย แต่หนูก็ยังไม่ปักใจเชื่อแม่ แม่บอกอีกว่า แม่อยู่ในบ้านเห็นคนตายก็ร้องให้คน และที่แม่อยู่ในบ้านแม่บอกหนูว่า แม่กลัวเพราะมีศพอยู่หน้าบ้าน  แม่ร้องไห้บอกว่าแม่ไม่ได้ฆ่าพ่อตาย มีคนใส่ร้ายฆ่ากันตายแล้วมาว่าแม่  อยากให้ตร.สืบสวนในเรื่องนี้ให้กระจ่างอีกที









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.