วันนี้ (30 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่บ้านบุญมี หมู่ 4 ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ว่า เดือดร้อนหนักกับเพื่อนบ้านหลอนยาอาละวาด ถือมีดบุกจะเข้ามาทำร้าย แถมละลานไม่เลิกขว้างขวดเหล้าขวดเบียร์เข้ามาในบ้าน จนถูกหน้าผากภรรยาเจ้าของบ้านหัวแตกเลือดสาดต้องเย็บถึง 5 เข็ม สองผู้เฒ่าอยู่ด้วยกันลำพังกับหลานสาวอีก 1 คนทุกข์ใจอยากมาก ห่วงความปลอดภัย ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร ร้องขอความเป็นธรรม น่ากลัวมาก

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 219 บ้านบุญมี หมู่ 4 พบกับนางแพง ฝ้ายขาว อายุ 53 ปีและนางศรีจันทร์ ฝ้ายขาว อายุ 63 ปีสองสามีภรรยา ยังอยู่ในอารมณ์วิตกกังวล สีหน้ายังมีความทุกข์ เพราะเจอเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามๆ หลอนยาแล้วอาละวาดทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากหนุ่มคนนี้คือนายอำพล เนาว์ใน อายุ 31 ปี หรือติ๊ก ออกจากคุกข้อหามียาเสพติดเมื่อประมาณเดือนพ.ย.66 ที่ผ่านมา พอออกมาเสพยาจนหลอนก็อาละวาดเพื่อนบ้าน จนมีหลายคนที่อยู่ใกล้ต้องย้ายบ้านหนี  โดยภายในบ้านของนางแพงยังมีเศษขวดแตกกระจายอยู่ตามรั้วบ้านที่นายติ๊กโยนเข้ามาหลายครั้ง

ขณะเดียวกันมีกล้องวงจรปิดของเจ้าของบ้านที่บันทึกเอาไว้ได้ เป็นหลักฐานว่า ถูกเพื่อนบ้านอาละวาดหาเรื่องจริงๆ มาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยเหตุการณ์เริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ.67 นายติ๊กโยนขวดเหล้าขวดเบียร์มาก่อน จากนั้นก็ก่อเหตุเรื่อยมารวม 5 ครั้ง หนักสุดคือวันที่ 27 มี.ค.67 หลังจากนายติ๊กไปเซ็นเหล้าจากร้านค้าไม่ได้ นายติ๊กกลับมาบ้านก็มีอาการหลอนยาจนคลั่งถือมีดจะทำมาทำร้ายนายศรีจันทร์ซึ่งเป็นสามี โดยในคลิปจะได้ยินเสียงนายติ๊กร้องตะโกนโวยวายอาละวาดบอกว่า มึงจะเอาอะไรกับกู พวกมึงไปแจ้งตำรวจให้มาจับกูทำไม และท้าให้ออกมาดวลกันตัวต่อตัว มึงออกมาๆ  และอีกหลายคลิปที่เจ้าของบ้านเปิดประตูบ้านท้าให้นายติ๊กเข้ามาภายในบ้าน เพราะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมที่โยนสิ่งของเข้ามาในบ้าน และจะได้ยินเสียงนายติ๊กบอกว่าเรียกตำรวจมาเลย กูไม่กลัว  ขณะที่สองตายายก็บอกว่า บ้านหลังนี้มีแต่คนแก่คนเฒ่า ไม่เคยหาเรื่องไม่เคยพูดอะไรทำไมมาหาเรื่องแบบนี้ มีเสียงตะโกนด่ากันลั่น จังหวะนั้นเองนายติ๊กหลอนและคลั่งหนักขว้างขวดเหล้าขาวข้าวหอมเข้ามาถูกที่หน้าผากตนเองจนหัวแตกเลือดสาดต้องเย็บ 5 เข็ม ต่อมาก็จะมีคลิปเจ้าหนาที่ตร.สภ.ทุ่งฝนหลายนายพร้อมไม้ง่ามได้เข้ามาจับกุมนายติ๊กไปดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกาย ทันที

นางแพง เปิดเผยว่า ตอนนี้ทุกข์ใจมากกับนายติ๊ก เพื่อนบ้านมหาภัย เขาออกจากคุกประมาณปลายปีที่แล้ว ออกมาพ่อแม่ก็อยู่ด้วยไม่ได้ ต้องหนีไปอยู่ทุ่งนา ส่วนแม่ของนายติ๊กหลอบหลานหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ส่วนเมียก็ทนไม่ไหวหนีไปแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นกับครอบครัวตนเองถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.67 ต่อมาก็วันที่ 4 มี.ค.67,วันที่ 20 มี.ค.,วันที่ 23 มี.ค.67 และวันที่ 27 มี.ค.67 เป็นวันที่หนักที่สุดเขาถือมีดดาบวิ่งเข้ามาจะทำร้ายสามี แต่ยังดีที่มีดไปติดกับเถาวัลย์ไม้หน้าบ้าน แต่นายติ๊กยังคลั่งอาละวาดไม่หยุดกระโดดข้ามรั้วขว้างขวดเหล้าถูกหน้าผากตนเองจนหัวแตกเลือดสาดเย็บ 5 เข็ม โชคยังดีที่ไม่ถูกลูกตา ไม่งั้นตาบอดแน่ ยืนยันเราไม่เคยมีเรื่องกับเขามาก่อน แต่ก่อนก็อยู่ปกติดี ก็อยากให้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน มาเจอเพื่อนบ้านแบบนี้ จะให้คนดีๆ อยู่แบบนี้กับคนหลอนคนบ้าแบบนี้ได้อย่างไร ไม่รู้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น วอนหน่วยงานช่วยเหลือที เอาไปบำบัดอะไรก็ได้ นางแพงกล่าวด้วยเศร้าใจและความหวังมีเพื่อนบ้านที่ดี

ส่วนนายศรีจันทร์ บอกว่า พวกผมอยู่กัน 3 คนมีผม ภรรยาและหลานสาวตัวเล็ก ๆ เราไม่เคยมีเรื่องกับเขามาก่อน พฤติกรรมหลอนยาแบบนี้ยอมรับสุขภาพจิตแย่มาก เราห่วงว่าต่อไปหากเขากลับออกมา ยังเหิมอาละวาดอีก คงจะมีคนตายไปข้างหนึ่งแน่  ตอนนี้ตร.จับตัวไปแล้วก็ใจชื้อมาระดับหนึ่ง แต่ผมกับภรรยาก็ยังระแวง ได้ยินเสียงดังนิดดังหน่อยก็ไม่ได้ กิ่งไม้หัก ของตกหล่น หรือแม้แต่เมื่อวานภรรยาต้มไข่ข้าว ไข่เกิดแตกเสียงโป๊ะ ภรรยายังตกใจ ยังหลอนอยู่เลย คิดมาแล้วก็เครียดไม่รู้ต่อไปจะทำยังไง นายศรีจันทร์กล่าวตอนท้าย