ข้าวเกรียบขนมไทยโบราณที่หากินยาก สานต่อความอร่อยจากรุ่นย่าสู่รุ่นหลาน สานต่อความอร่อยจากรุ่นย่าสู่รุ่นหลาน ทุกวันนี้ตามตลาดในปัจจุบันหากินได้ยาก เคล็ดลับของความอร่อย มะพร้าวต้องเป็นมะพร้าวทึนทึกและที่สำคัญใช้มือขูดเอง ลูกค้าที่ได้รับประทานข้าวเกรียบอ่อน ข้าวเกรียบงา ต่างติดใจ เคี้ยวแล้วละมุนลิ้น ภาษาวัยรุ่นต้องบอกว่า ฟินมาก

ข้าวเกรียบอ่อน ข้าวเกรีบยบงา ขนมไทยโบราณที่หากินไม่ง่ายนักในยุคปัจจุบัน เนื่องจากคนทำต้องทำทีละชิ้น ทำใหม่ๆ กินกันสดร้อนๆจะยิ่งอร่อย เนื้อแป้งจะมีความนุ่มนิ่มเหนียวหนึบ เมื่อกัดไปถึงตัวไส้ก็จะได้รสชาติของความกลมกล่อม เมื่อกินแล้วอร่อยจนหยุดไม่ได้ ขายชิ้นละ 5 บาท หนึ่งกล่องมี 4 ชิ้น ลูกค้าสามารถเลือกจะเอาข้าวเกรียบอ่อน ข้าวเกรียบงาอย่างเดียว หรือจะใส่คละกันก็ได้ จะเริ่มขายตั้งแต่ 06.00 น.จนกว่าจะหมด แต่ขอบอกว่าปัจจัยสำคัญของขนมทั้ง 2 ชนิด คือวัสดุดิบคือมะพร้าวทึนทึก ถ้าวันไหนไม่มีก็ต้องหยุดขาย มีนางไพรัตน์ พงษ์แส (ป้านก) อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของร้านขายอยู่ที่วงเวียนตลาดสด ต.ปากน้ำปราณ หน้าสมาคมประมงปราณ ตำบลปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

 

 

 

นางไพรัตน์ (ป้านก) แม่ค้าขนมโบราณ กล่าวว่า ตนเองเป็นรุ่นที่ 3 ที่สานต่อการทำข้าวเกรียบอ่อนมาจากรุ่นย่าสู่รุ่นแม่ พอแม่อายุมาก ยืนทำเองไม่ไหวตนก็มารับช่วงต่อ สูตรการทำก็ได้จากแม่สอน การผสมแป้ง ก็อาศัยความเคยชิน และความชำนาญ ผสมให้พอเหมาะ ทั้งตัวแป้งและน้ำ เพราะถ้าไม่พอดีเวลาฝาดแป้งก็จะขาดไม่เป็นแผ่น ไฟแรงไปหรือลมแรงไปตัวแป้งก็ไม่สุกพอดี ส่วนน้ำที่ต้มต้องเดือดกำลังเหมาะ ช่วงเวลาในการนึ่งก็อยู่ที่ความชำนาญ เพราะต้องทำทีละตัว และใช้ความร้อนจากไอน้ำเท่านั้น จึงไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก

การทำขนมข้าวเกรียบอ่อน ข้าวเกรียบงา มีวัตถุดิบคล้ายกันต่างกันที่ใส่ไส้กับไม่มีไส้ สำหรับที่จะต้องเตรียมทำน้ำแป้ง ประกอบด้วย แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลโตนด ส่วนตัวไส้ มีถั่วเหลืองซีก มะพร้าวขูด งาดำ น้ำตาลทราย เกลือ วิธีทำน้ำแป้ง ขั้นตอนแรกต้องนำน้ำตาลโตนดมาเคี้ยวให้เหนี่ยวเป็นแตงเม (สีน้ำตาลไหม้) แล้วน้ำสะอาดมาใส่คนให้น้ำตาลละลายเป็นน้ำปล่อยให้เย็น