วันนี้ ( 26 มีนาคม 2568 ) เวลา 16.20 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัย ระดมสรรพกำลังดับไฟป่าโดยเฉพาะการใช้อากาศยานบินดับไฟโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32-01 ควบคุมไฟป่าในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ขณะเดียวกันกรมฝนหลวงฯ ยังใช้เครื่องบิน CN และเครื่องบิน CARAVAN ปรับอุณหภูมิและสภาพอากาศเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน

อย่างไรก็ตาม ยังพบจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 2,595 จุด สูงสุดที่ จ.แม่ฮ่องสอน 412 จุด รองลงมา จ.ตาก 306 จุด และ จ.เชียงใหม่ 229 จุด โดยจุดความร้อนที่พบส่วนใหญ่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,111 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 943 จุดทำให้การเข้าสกัดเพลิงทำได้ยาก ต้องใช้อากาศยานเข้าสนับสนุนภารกิจ 

“ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อัคคีภัย ไฟป่า ในพื้นที่ อ.เชียงดาว (ต.เชียงดาว ต.ปิงโค้ง) และ อ.อมก๋อย (ต.ยางเปียง ต.แม่ตื่น ต.ม่อนจอง) เพื่อเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่าง ๆ ในการเฝ้าระวัง ป้องปราม และจับกุมผู้ลักลอบกระทำผิดตามกฎหมาย โดยเป็นการประกาศภัยพิบัติ เฉพาะเท่าที่จำเป็น รายพื้นที่ตำบลอำเภอ เพื่อการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัด และให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศระยะนี้ยังมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมากถึงมากเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับสถานการณ์ฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากยังพบจุดความร้อนในเมียนมาสูงถึง 7,997 จุด และ สปป.ลาว 5,148 จุด ทั้งนี้ในช่วงวันที่ 29 มี.ค. – 1 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนมีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน ซึ่งอาจทำให้ค่าฝุ่นลดลง แต่ต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงเวลาดังกล่าวต่อไป