วันนี้ (10 ธ.ค. 2562) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้เดินทางไปยังสวนของ คุณทองคำ เพชรปัญญา พร้อมภรรยา คุณชาลีนา เกษมโศธน์ 2 สามีภรรยาผู้สูงอายุวัยเกิน 60 ปี ทั้ง 2 คน เคยเดินทางไปอยู่เมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เกือบ 20 ปี สุดท้ายได้ตกลงกันว่าอายุมากแล้วน่าจะกลับมาบ้านเกิดจึงชวนกันกลับมาแต่ปี 2557 โดยกลับมาแล้วหาซื้อที่ดินบริเวณ ตำบลหนองกุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ดินว่างเปล่า จำนวน 5 ไร่ แล้วลงมือทำเกษตรแบบพอเพียงตามรอยพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ปลูกแบบผสมผสานในพื้นที่เต็ม 5 ไร่

โดยพื้นที่ทั้ง 5 ไร่ ปลูกมะนาวสายพันธุ์โครตดก ซึ่งนำสายพันธุ์ต่างๆ มาผสมกันเพื่อให้ทนทานต่อสภาพพื้นที่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทางเกษตรด้านนี้มาให้คำปรึกษา โดยลงในช่วงแรกในปี 2559 ประมาณ 200 ต้น ปัจจุบันให้ผลผลิตทุกต้นตลอดทั้งปีไม่มีโรคใดๆ โดยใช้ปุ๋ยคอกใส่ตลอด การปลูกมีทั้งในยางรถยนต์ ลองซีเมนต์ และปลูกลงดิน และปัจจุบันเก็บผลผลิตไปขายด้วยตนเองที่ตลาดประชารัฐ หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจน์ ทุกวันพุธและศุกร์ นอกจากขายผลดิบแล้วยังมีการแปรรูปเป็นมะนาวดองเค็มและแปรรูปเป็นมะนาว 3 รส ซึ่งในปัจจุบันนี้มะนาว 3 รส เป็นที่นิยมกับผู้ที่ได้ชิมจนเป็นที่ยอมรับกับทุกทุกคนที่ได้ชิมมะนาว 3 รส จนซื้อกลับไปเป็นของฝากกันเลย และในช่วงปีใหม่นี้ได้เตรียมนำมะนาว 3 รส ไปวางจำหน่ายเป็นสินค้าโอทอปของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยเช่นกัน พร้อมเตรียมจดลิขสิทธิ์เป็นแบรนด์สินค้าของตนเองเช่นกัน

การทำเกษตรนอกจากปลูกมะนาว ยังมีพืชหลากหลายชนิด เช่น แก้วมังกร เงาะ ทุเรียน อินทผลัม กล้วย มะละกอ ฯลฯ และถั่วดาวอินคา ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรสามารถรักษาโรคได้หลากหลายชนิด โดยเมล็ดนำไปบดผสมตัวยาสมุนไพรไทย เปลือกนำมาตากแห้งต้มดื่มแทนน้ำสามารถรักษาสุขภาพได้อีกด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะไก่ไข่ที่มีจำนวน 50 ตัว ออกไข่วันละไม่ต่ำกว่า 30 ฟอง

สำหรับเกษตรที่ทำในปัจจุบันนี้ คุณทองคำ กำลังคิดตอนกิ่ง มะนาว มะม่วง ไปทำเป็นพวงหรีดจำหน่ายให้แก่ประชาชนนำไปแสดงความเคารพหน้าศพแก่ผู้วายชนอีกด้วย แล้วกำลังเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว โดยการนำต้นไม้ ไปแสดงความเคารพศพ นั้นดีกว่าการนำพวงหรีดอื่นเพราะสามารถนำไปปลูกแล้วให้ผลผลิตได้อีกด้วย ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหาย เป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งได้เช่นกัน

คุณทองคำ เพชรปัญญา กับ นางชาลีนา เกษมโศธน์ 2 สามีภรรยา ได้กล่าวว่า ขณะที่อยู่ในสหรัฐอเมริกามานาน ไปอยู่ฝ่ายชายไปเป็นพนักงานทำอาหาร ส่วนฝ่ายหญิงก็ไปเป็นช่างเสริมสวย อยู่ได้เกือบ 20 ปี ทั้ง 2 คน ได้ปรึกษากันอยากกลับบ้านเกิดเพราะอายุก็มากแล้ว อีกอย่างลูกก็มีหลานแล้ว ก็เดินทางกลับมาต้องมาทำเกษตรแบบพอเพียงตามรอยพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 จึงได้กลับมาหาซื้อที่ดินดังกล่าว

และทั้ง 2 คน ได้ทำเกษตรซึ่งไม่เคยทำมาก่อน แต่ด้วยใจรักแล้วตั้งใจ จึงอดทนมาได้และปัจจุบันนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าภูมิใจ เนื่องจากผลผลิตได้ออกสู่ตลาดสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้อยู่แบบไม่เดือดร้อน อยู่ได้แบบสบายๆ ซึ่งการทำเกษตรเราต้องมีการต่อยอด ไม่ได้ทำเกษตรแบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน คือเมื่อผลผลิตออกมาเราสามารถนำไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคด้วยตนเอง ต่างกับการทำเกษตรดั่งเดิม ซึ่งผลผลิตออกมาแล้วรอให้มีพ่อค้าไปรับซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้ และพื้นที่ติดกันก็ยังทำเช่นนี้อยู่การสร้างเม็ดเงินจึงน้อยลงไปไม่คุ้มทุนด้วย พร้อมฝากไปถึงเยาวชนที่สนใจการทำเกษตรต้องมีความอดทน และต้องรู้การต่อยอดของผลผลิตทางการเกษตร การนำผลผลิตออกสู่ตลาดด้วยตนเองด้วยชีวิตก็จะประสบผลสำเร็จได้โดยไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างเขา โดยต้องยึดความอดทนเป็นหลัก

และการทำเกษตรแบบต่อยอด เช่น การนำมะนาวมาแปรรูปเป็นสินค้าโอทอป เช่น การนำมาทำเป็นมะนาว 3 รส ซึ่งสินค้าตัวนี้ยังไม่มีใครทำมาก่อน และเป็นสินค้าติดตลาดนักชิมมาก จำหน่ายได้ดีมากๆ เลยในปัจจุบันนี้ ทั้ง 2 สามีภรรยา กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งบอกว่าเป็นสินค้าไม่เกิดความขม แต่ทั้ง 2 ก็ได้ลองผิดลองถูกมานานกว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ อีกทั้งนักชิมทุกคนยอมรับผลผลิตของตนเอง ออกปากขอเดินทางไปดูโรงงาน แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีโรงงานอะไร เพียงแค่ทำกันในครัวเรือนเท่านั้น แต่ขั้นตอนเยอะมากเท่านั้น แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จของทั้ง 2 เป็นอย่างมากครอบครัวหนึ่ง นอกจากการทำเกษตรแล้วกำลังจะเปิดสอนภาษาให้แก่เยาวชน รวมถึงผู้สนใจทั้งในพื้นที่ และใกล้เคียง “ฟรี” อีกด้วย อนาคตจะขยายกิจการออกไปอีกหลายอย่างในไม่ช้านี้