รวบแล้ว "มือปืนวัย 62" ยิงหนุ่มใหญ่วัย 48 ดับ หลังทะเลาะกันในวงเหล้า
19 ธ.ค. 2562, 18:52
จากกรณีนายสายทอง สุดโยธา อายุ 62 ปี ได้เอ่ยปำทวงเลื่อยยนต์กับนายสันติ วิไลปทุม อายุ 48 ปี ขณะนั่งดื่มเหล้าด้วยกัน 3 คนกับเพื่อนที่บ้านไม่มีเลขที่ใกล้กับเล้าหมู หมู่ที่ 16 บ้านใหม่ภูเจริญ-ดงชมภูน้อย ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เกิดการโต้เถียงกันขึ้นพูดประชดทำนองว่า “ราคาเท่าไรจะซื้อมาคืนให้วันนี้หละ” ทำให้นายสายทองมือปืน ไม่พอใจกลับไปบ้านเอาปืนแก๊ปใส่ลูกปลายมาดักยิงนายสันติ เข้าที่หน้าอกทะลุกลางหลังและซี่โครงด้านขวาตายคาที่เกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค.ผ่านมา ก่อนจะหลบหนีไปกบดานบ้านเพื่อนที่ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร จน 2 เดือนผ่านไปตำรวจฝ่ายสืบสวนสามารถตามจับกุมมาได้ รับสารภาพจะถือปืนมาขู่แต่ผู้ตายวิ่งเข้ามาจะทำร้ายเลยยิงสวนดับ ตำรวจควบคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุทันที่
เมื่อเวลา15.00 น.วันที่ 19 ธ.ค.พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพศาล ต้นแก้ว รอง ผกก.ป.พ.ต.ท.วัขรพล ลาดบัวผัน รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.รังสรรค์ บุญละคร และพ.ต.ท.พงศ์เดชน์ คำกอง สว.(สอบสวน) เจ้าของคดีได้เบิกตัวนายสายทอง สุดโยธา อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 7 บ้านดงชมภู ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ผู้ต้องหาคดี”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,พกอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยมิได้รับอนุญาต,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน”ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุเพิงพักไม่มีเลขที่ข้างเล้าหมู หมู่ที่ 16 บ้านใหม่ภูเจริญ-ดงชมภูน้อย ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง
นายสายทอง สุดโยธา ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่า หลังนั่งกินเหล้าด้วยกันตนได้ทวงถามเรื่องที่ผู้ตายยืมเลื่อยตัดไม้มานานแล้วยังไม่คืนและทวงเงินยืม 1,000 บาทที่ยืมไปเมื่อ 2 เดือนก่อนที่ยังไม่คืน แต่ถูกผู้ตายพูดจาท้ายทายทำนองประชดประชันว่า “เลื่อยราคาเท่าไรจะซื้อมาคืนให้วันนี้หละ” ส่วนเรื่องเงินยืม “ถ้าอยากได้คืนมาฆ่าเอาโลด” ทำให้เกิดโมโหกลับไปบ้านดื่มเหล้าย้อมใจไป 3 เป๊ก แล้วหยิบเอาปืนแก๊ปมาบรรจุลูกปลายใส่แล้วเดินถือปืนกลับไปหาผู้ตายที่เล้าหมูอีกครั้ง ที่ถือปืนไปด้วยก็หวังว่าจะถือไปป้องกันตัวและขู่ให้ผู้ตายยินยอมจ่ายเงินยืม 1,000 บาทคืนให้และคืนเลื่อยที่ยืมไปด้วย พอไปถึงก็ยังได้ยินเสียงผู้ตายพูดนินทาตัวเองอยู่กับนายประสิทธิ์ ศีรษะเนตร อายุ 42 ปี ผู้บาดเจ็บอีกราย จึงได้ตะโกนออกไปว่า”ยังนินทากูอยู่เหรอ” พอผู้ตายได้ยินจึงกระโดดลงจากเพิงพักวิ่งเข้ามาหาตนคิดว่าจะมาทำร้ายจึงยกปืนขึ้นมายิงสวนไปทำให้ล้มลงเสียชีวิตดังกล่าว จากนั้นจึงได้โยนปืนแก๊ปทิ้งไว้ในป่าอยู่คาลิปตัส เดินหลบหนีไปเรื่อยๆ ค่ำไหนก็นอนที่นั่นขอกินข้าวไปตามชาวสวนยางพารา และไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อนที่บ้านโคกศาลา ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ก่อนจะถูกจับกุมได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ก่อนจะมีการจับกุมหลังจาก พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงหศ์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ สืบทราบว่านายสายทอง สุดโยธา อายุ 62 ปีผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ หลังก่อเหตุได้ไปหลบซ่อนอยู่ที่ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.ยุทธพงศ์ ชนะโยธา สว.กก.สืบสวน พ.ต.ท.สุพิชา บุตรเชียงคำ สว.กก.สืบสวน นำหมายศาลเลขที่145/2562 ลงวันที 17 ต.ค.62 เข้าไปประสานกับ พ.ต.อ.ฐากูรสมบัติ สวงโท ผกก.สภ.วาริชภูมิ เพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาที่มาหลบซ่อนอยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 8 บ้านโคกศาลา ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร สามารถจับกุมตัวได้โดยไม่มีการขัดขืนหรือต่อสู้แต่อย่างใด จึงควบคุมตัวมาที่ สภ.บึงโขงหลง เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพดังกล่าว
นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399