เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เปิดใจ "ทวี ไกรคุปต์" ขับเบนซ์ชน จยย.เด็ก ยันไม่ได้หลบหนีอย่างที่คิด


22 ธ.ค. 2562, 16:47



เปิดใจ "ทวี ไกรคุปต์" ขับเบนซ์ชน จยย.เด็ก ยันไม่ได้หลบหนีอย่างที่คิด




จากกรณีเกิดเหตุนายทวี  ไกรคุปต์  อดีต รมช.คมนาคม  ขับรถเบนซ์ชนรถจักรยานยนต์ ที่มีนายปกิต  ปรางค์จันทร์  อายุ 17 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 53  หมู่ 2  ต.ดอนทราย  อ.โพธาราม  จ.ราชบุรี  เป็นผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บ  แต่นายทวีนั้นพยายามขับรถหลบหนี  โดยมีพลเมืองดีที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุถ่ายคลิปวีดีโอไว้ได้  ทำให้โลกโซซียล นั้นรุมโจมตีประณามการกระทำของนายทวีโดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา

 



เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22  ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายทวี ไกรคุปต์  ได้เปิดแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ห้องประชุมวาระเวลา 1 โรงแรม ณ เวลา  ต.ดอนตะโก  อ.เมือง  จ.ราชบุรี  โดยนายทวี  ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกมาจากบ้านเพื่อจะไปซื้อของในตลาดเทศบาลเมืองโพธาราม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นสี่แยก ได้ชะลอรถมองซ้ายขวาแล้ว  ไม่มีรถจึงตัดสินใจขับรถข้ามไป แต่จู่ ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์วิ่งมา ทำให้ช่วงหน้ารถเบนซ์ไปเฉี่ยวที่บริเวณท้ายรถจักรยานยนต์   ทำให้รถเสียหลักและคนเจ็บกระเด็นไปพร้อมรถประมาณ 15 เมตร  แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นทางแยก  ทำให้ไม่กล้าที่จะจอดรถลงไปดูคนเจ็บเพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน   และมองไปเห็นว่าคนเจ็บไม่เป็นอะไรมาก  จึงได้ตัดสินใจขับรถไปข้างหน้าเพื่อจะกลับรถมาดูคนเจ็บ

 

 

และเมื่อกลับมาก็สอบถามคนเจ็บแล้วว่าเป็นอะไรมากไหม และพยายามจะพาไปโรงพยาบาล แต่เด็กก็อ้างว่าต้องรอแม่  และเห็นว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทำแผลให้เด็ก โดยพบว่าผ้าพันแผลและอุปกรณ์นั้นไม่สะอาด จึงพยายามจะพาเด็กไปโรงพยาบาลเพราะกลัวติดเชื้อจากอุปกรณ์ปฐมพยาบาล แต่เด็กก็ยังไม่ไป ตนจึงขึ้นมานั่งรอในรถ  และเห็นว่ามีรถคันหนึ่งออกรถไป  จึงได้ขับรถตามเพราะคิดว่าคนเจ็บอยู่ในรถ  แต่รถคันดังกล่าวนั้นกลับไม่ยอมไป ตนจึงบีบแตรไล่เพื่อจะให้ไปโรงพยาบาล จนมาทราบว่าคนเจ็บนั้นไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้สอบถามหาร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่อยู่ใกล้ ๆ


 

เพื่อจะนำไปซ่อม โดยยืนยันว่าไม่ได้คิดจะหลบหนี  และตอนนี้ก็ได้ดูแล ทั้งเรื่องของการซ่อมรถเป็นเงิน 3,900 บาท และค่าทำขวัญให้กับเด็กไปแล้วจำนวน 10,000 บาท  และตนเองก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปรับไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 500 บาท ในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย แต่กลับถูกสังคมโจมตีทั้งที่ไม่เป็นความจริง  จึงอยากขอความเป็นธรรม  วอนสังคมหยุดให้ร้ายเพราะเป็นทวี จึงถูกสังคมโซเซียลโจมตี ทำให้ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง  และจะเดินทางไปที่กองปราบ เพื่อจะไปแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยคลิป แต่สื่อที่นำเสนอข่าวนั้นไม่ได้คิดจะฟ้องร้องอะไร เพราะเชื่อว่าทำตามหน้าที่  และยอมรับว่ายังไม่ได้ดูคลิปเหตุการณ์  แต่ทางทีมงานของตนนั้นดูแล้ว และยืนยันว่าคลิปนั้นมีการตัดต่อ  จึงต้องเอาผิดกับคนที่ปล่อยคลิป






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.