อาร์ม อิสระ โพสต์ร่ายยาว ! ปมผู้จัด-นักแสดง สมองไหล ย้ายออกจากช่อง7
21 ม.ค. 2563, 12:11
อาร์ม อิสระ นักเขียนบทละครโทรทัศน์ บริษัท โคลีเซี่ยมฟิล์ม อินเตอร์กรุ๊ป ออกมาโพสต์เฟสบุ๊กปมดราม่า ที่ผู้จัด-นักแสดง พากันพาเหรดเดินออกจากช่อง7 โดยระบุว่า
ปัญหาหลักในการที่หลายคนย้ายช่อง
ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดี ขายโฆษณาไม่ได้ หรือไม่เข้าเป้า นายทุนเขาก็เจ็บหนัก ถ้าเขาแบกรับไหว เขาก็ยังจ่ายได้ แต่ถ้ามันเจ็บทุกครั้ง เหนื่อยทุกครั้งที่ละครออกฉาย ช่องเขาก็ไม่ไหว
ละครดี คนดูชม กับละครแม้จะไม่ดี แต่คนดูชอบ มันแตกต่างกัน หลายบริษัทสร้างละครดี มีผู้คนชื่นชมทั้งประเทศ แต่โฆษณาไม่เข้าเป้า คนที่ชมน่ะเป็นส่วนน้อยของคนที่ดู เพราะคนที่เขาชอบดูละครทีวี เขาอยากดูอะไรที่มันบันเทิงจริงๆ หนักไปเขาก็เครียด สุดท้ายผู้จัดที่สร้างละครดี ก็อยู่ไม่ได้ เพราะช่องขอลดค่าใช้จ่าย โฆษณามันไม่ได้ เรื่องเดียวมันก็พอว่า แต่ถ้าหลายๆเรื่องมันก็ไม่ไหว
ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นว่า ทำไมละครบางช่อง จึงยังคงสร้างแต่อะไรที่มันน้ำเน่า แต่มันบันเทิงเริงรมย์จริงๆ เพราะคนดูชอบ ต่างจังหวัดชอบดู คนกรุงเทพน่ะดูละครน้อย แล้วไม่ค่อยดูจากทีวี ไปดูจากแอพพลิเคชั่น มันก็ไม่ได้เรตติ้ง โฆษณาก็ไม่ปลื้ม
ถ้าเราจำได้ สมัยก่อน เรตติ้งต่ำกว่า 10 ถือว่าสอบตก เพราะละครแต่ละช่องจะต้อง 15 ขึ้นทั้งนั้น ใกล้อวสานนี่ 18-19 ดีใจกันใหญ่ แต่มาในยุคที่อะไรก็เป็นดิจิตอลไปหมด ละครเรตติ้งได้เฉียดสองตัว ก็ถือว่า เจ๋งแล้ว
บางช่อง ได้แค่ 4 ยังไม่ถึง 5 ยังดี๊ด๊า ดีอกดีใจ ฝันว่าจะต้องกลายเป็นช่องอันดับหนึ่งให้ได้เลย ส่วนช่องที่ได้แค่สอง แค่สาม ก็ต้องพยายามกันอีกนานกว่าจะคลานขึ้นมาจากตรงนั้นได้ แต่บางช่องที่ แค่ 2 ยังไม่มีเลยนี่สิ น่าเป็นห่วง
ทั้งหมดเป็นเพราะอะไร ?
เพราะฝ่ายบริหารล้วนๆ ถ้าบริหารงานเป็น อ่านนิยายหรือละครได้ขาด ก็สามารถตีตลาดได้ แต่ถ้าประเภทยังต้องทอดแหหาปลาอยู่ ไม่รู้ว่าจะเล่นแบบไหน ไม่เข้าใจคนดู ไปอยู่ที่ไหน ไปบริหารที่ใด ก็บรรลัยที่นั่น
ยิ่งถ้าไปเจอผู้บริหารบางคนที่ซิกแซกเก่ง หาคนกันเองมาเป็นผู้จัด แล้วตัดหน้าเค้กมาแบ่งกัน อย่างนั้นช่องก็จะยิ่งเจ็บหนัก
ผมเองเจอมาแล้วทุกรูปแบบ เชื่อเถอะ
ขอเรื่องย่อเราไป แต่สุดท้ายไม่เอา แล้วเสือกเอาเรื่องของเราไปยำรวมกับเรื่องของคนอื่น ลืมไปว่า นักเขียนทุกคน เขามีสัญลักษณ์ของตนเองซ่อนอยู่ในเรื่องที่เขียนทั้งนั้น ต่อให้คุณเอาไปดัดแปลงยังไง เขาก็จำได้
แต่ที่เจ็บใจกว่านั้น ก็คือเคยโดนประเภทที่ว่า เอาเรื่องของเราไปยำกับของคนอื่นแล้วลืม ว่าบางส่วนเป็นของเรา เพราะเขายำเละหลายเรื่อง ที่เคืองจนรู้สึกขำก็คือ เอาเรื่องย่อที่ยำเสร็จแล้วส่งมาให้เราเขียนบทนั่นแหละ
เพราะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โฆษณาที่ขายไม่ค่อยได้ เราก็อย่าไปโทษใคร ถ้าหากจะมีผู้จัด หรือดาราคนไหน เขาย้ายค่าย ย้ายช่อง เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา ปากท้องของเขา เขาก็ต้องดิ้นรน คนเราถ้ามันไม่อิ่ม มันจะต้องทนอด ทนหิวไปอีกเมื่อไหร่ คนที่เป็นนาย ถ้าจะให้ลูกน้องอยู่กับเราตลอดไป ก็ต้องเอาใจเขา มาใส่ใจเรา เลี้ยงดูเขาอย่าให้อด ขอเพียงแค่เขาอิ่ม เขาก็จะอยู่กับเราไปจนตายแล้ว
ส่วนคนที่เป็นลูกน้อง ก็ต้องมองดูด้วยว่า บริษัทของเรามีปัญหา หรือว่าขาดทุนบ้างมั้ย ดูตัวอย่างง่ายๆ เศรษฐกิจแย่ คนตกงานมากมาย แต่มีพนักงานหลายบริษัทออกมาโวยวาย ไม่ได้โบนัส เงินเดือนไม่ขึ้น ออกมาประท้วงให้วุ่นวาย คนอื่นเขาแทบจะอดตาย บางรายบางที่ก็ปลดพนักงานบริษัทเป็นว่าเล่น พวกเขาไม่เห็นจะพูดถึงโบนัสเลย ขอเพียงแค่ให้เขายังมีงานทำ ยังมีเงินเดือนใช้ เขาก็พร้อมที่จะกอดคอกับบริษัทไปเพื่อหาทางฟื้นตัวอีกครั้ง ไอ้พวกที่ออกมาโวยวาย พวกนี้น่าไล่ออกไป แล้วที่ไหนก็อย่าไปรับมันให้ไปเป็นปัญหากับที่อื่น
ย้อนกลับมาพูดถึง ผู้จัดย้ายช่อง ดาราย้ายค่ายกันต่อ ถ้าใครยังจำกันได้ครั้งหนึ่งนางเอกชื่อดังเบอร์หนึ่งช่องหลายสี เคยมีงานรุม มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เรียกว่าเล่นละครเรื่องไหน ก็มีคนชื่นชอบ คนดูทั้งประเทศ เป็นตัวขายหลักของช่อง เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนดูและโฆษณา สุดท้ายช่องคู่แข่งก็ตัดสินใจยื่นข้อเสนอให้ย้ายไปอยู่ช่องตน ผมไม่รู้หรอกว่าคุยกันอย่างไร สุดท้ายเธอไปอยู่ช่องนั้น เราคนดูนึกว่าเธอไปแล้วจะได้งานดีๆ มีละครให้เราดู แต่สุดท้ายไม่ได้เห็น ไม่มีละครให้เล่น เธอไปแล้วก็เงียบหาย จะกลับมาช่องเก่าก็ไม่ได้ นานๆไปคนก็ลืมไปเลย
มันเป็นเทคนิคการบอนไซ เพื่อไม่ให้คู่แข่งแย่งชิงเรตติ้ง จะว่าดูไม่ออกเลยจริงๆ ก็ไม่น่าจะใช่ แต่ผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร เหมือนอย่างในตอนนี้ มีบางช่องต้องการที่จะเบียดบี้ขึ้นมาอยู่แถวหน้า ไล่จี้เรตติ้งช่องหลักมาติดๆ ขยับอีกนิด เขาก็ขึ้นมาเทียบรัศมีได้แล้ว
หลักการทำงานที่ใช้ได้ผลมาแล้วตั้งแต่ในอดีต
เมื่อดูดดาราไม่ได้ก็คว้าพวกที่หมดสัญญาเข้าไปเล่น ควานหา ระดมคนเขียนบทเข้าไปอยู่ให้มาก จากนั้นก็ปากต่อปาก ค่อยดึงค่ายนั้นค่ายนี้เข้าไป มีข้อเสนอที่ดูแล้วดี สวยหรู มีอนาคตให้ ใครหรือจะไม่ย้าย ยิ่งถ้าได้เงินทุนมากกว่า มันก็คือกำไร ถ้าเล็งเห็นแล้วว่ามีอนาคตมากกว่าที่อยู่ตอนนี้ ถ้าคิดว่าไปแล้วต้องได้ดี คุ้มค่า รับรองว่าไปทุกคน
แต่ไปแล้ว จะทำงานได้สะดวก งานราบรื่นดีมั้ย ?
มันจะสวยงามอย่างที่หวังเอาไว้นั้นหรือไม่ อันนี้ก็ต้องไปวัดใจกันเอาเอง แต่ที่เห็นมาส่วนใหญ่ ไม่ค่อยรอดสักราย....
ไม่มีใครเห็นคนนอก ดีกว่าคนของตนเองหรอกครับ
เขาไม่พอใจขึ้นมา ก็ต้องเดินซับน้ำตา มองหาที่อยู่ใหม่
บางรายถึงกับไม่เผาผีกันเลยก็มี นี่คือ "บทเรียน"
สิ่งหนึ่งที่อยากเตือนสติคนที่จะย้ายช่อง ย้ายค่าย !!!
เมื่อเราย้ายไปแล้ว จำไว้เลยว่า เราจะกลับคืนมายังที่เดิมไม่ได้อีก และเมื่อไปอยู่กับเขา เราก็ต้องเป็นลูกไล่ให้เขา เราต้องทำตามที่เขาบอก อย่ามาหวังว่าจะอิสระเสรีในความคิดได้อีก เพราะเขารู้ว่า เราไม่มีทางเดินย้อนกลับไปได้แล้ว คราวนี้ก็ต้องทำตามที่เขาสั่ง อย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าไม่ได้ดังใจคุณก็โดนบี้จนตาย จะแย้ง จะขัดก็ไม่ได้
สุดท้ายเราก็จะคิดถึงบ้านเก่า เราไม่น่าทิ้งเขามาเลย...
สำหรับในมุมมองของผม !!!
ทำงานกับช่อง 7 คือ อิสระที่สุดแล้ว ทางช่องจะแบ่งงานให้กับบริษัทละครทุกค่ายไว้ตามแนวถนัดของแต่ละบริษัท ไม่มีการทับเส้นทางกัน งานไม่มีทับซ้อน ใครถนัดแนวไหน ก็ทำแนวนั้นไป ใครไม่แตกแถว ไม่เอาใจออกห่าง เขาก็ป้อนงานให้ในแนวของเรา แม้จะเป็นแนวเดิมๆ แต่ก็ดังทุกเรื่อง เพราะไม่ผิดพลาดที่เขาคาดหวังเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงไม่เคยได้เห็นบริษัทโคลีเซี่ยม ได้ทำละครดราม่าหรือว่าละครผีสักที ทั้งๆที่ผู้จัดและผู้กำกับอยากทำจะตาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ เพราะโลโก้ของโคลีเซี่ยมก็คือ บู๊ แอ็คชั่น คุณถนัดแบบนั้น ก็จงทำตามที่ถนัดไป เพราะถ้าเปลี่ยนสไตล์เมื่อไหร่ ช่องก็ไม่มั่นใจว่าคนดูจะรับได้มั้ย
แต่ถ้าได้ลองสักเรื่อง ก็ดีนะครับ
รับรองได้ลิ้มลองอรรถรสแบบใหม่ๆ อะไรก็อาจจะดีขึ้น
ภาพ FB อาร์ม อิสระ