ปลัดอำเภอจังหวัดอุดรฯ รุดถามห่วงใย ยายอุ้มหลานลูกครึ่ง ตามหาแม่ทำงานที่ภูเก็ต หลังไม่เคยติดต่อกลับนานกว่า 3 ปี
22 ก.พ. 2563, 08:40
วันนี้ (21 ก.พ.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นางแจ่ม หาญสุวรรณ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 10 บ้านคำกลิ้ง ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี นำ ด.ญ.สุชาวดี มณีโชติ หรือ น้องลิซ่า อายุ 3 ขวบ หลานสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ มาร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า น.ส.หนูหยาด มณีโชติ หรือ อ้อม อายุ 29 ปี ลูกสาวแม่น้องลิซ่า หายสาบสูญ ไม่ติดต่อแม่และลูกมานานกว่า 3 ปี และให้สื่อมวลชนช่วยออกข่าว เพื่อจะให้ น.ส.หนูหยาดฯ เห็นข่าว เพื่อจะได้ติดต่อกลับมาหาแม่และลูกสาว
โดยในวันนี้ นายเฉลิมศักดิ์ อินทร์หา ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เมือง นายบุญส่ง อารมณ์ ปลัดอำเภอ ประจำศูนย์ดำรงธรรม อ.เมือง นายทักษิณ ชั้นงาม ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอเมือง จ.อุดรธานี ได้เดินทางพบกับ นางแจ่มฯ และ น้องลิซ่า ที่บ้านพัก เพื่อสอบถามรายละเอียดเรื่องของ น.ส.หนูหยาดฯ ลูกสาว ที่ไม่ได้ติดต่อกลับมาทางบ้านนานกว่า 3 ปี หลังบอกทางบ้านว่า จะเดินทางไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต และหาแนวทางช่วยเหลือครอบครัว ที่มีฐานะยากจน โดยทาง นายทักษิณฯ ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จ.อุดรธานี ได้มอบเงินของชมรมฯ ช่วยเหลือ นางแจ่มฯ จำนวน 2,000 บาท เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตให้แก่น้องลิซ่าด้วย
นางแจ่ม หาญสุวรรณ ยายของ น้องลิซ่า เปิดเผยว่า หลังจากที่ลูกสาวบอกกับตนว่าจะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ห้องอาหารใน จ.ภูเก็ต เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นลูกสาวยังติดต่อกลับมาบ้านและส่งเงินมาให้ตน 5,000 บาท แต่หลังจากนั้นลูกสาวก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย ซึ่งตนก็เป็นห่วงลูกสาวมาก กลัวว่าลูกสาวจะถูกนายจ้างจับตัวไปกักขังอะไรแบบนี้ แต่ไม่ได้คิดว่าลูกสาวจะเสียชีวิต เพราะว่าให้ทางญาติ ๆ ติดต่อกับลูกสาวทางเฟสบุ๊ค ซึ่งก็มีการเปิดอ่าน แต่ไม่ยอมติดต่อกลับมา และมีหานมาบอกว่า มีการเปิดอ่าน คงจะดูความเคลื่อนไหวของคนในครอบครัว และคิดว่าที่ไม่มีการติดต่อกลับมา เพราะอาจจะถูกนายจ้างยึดโทรศัพท์เอาไว้ ตนกลัวว่าจะเป็นแบบนี้
เพราะถ้าโทรศัพท์อยู่กับลูกเขา เขาจะต้องติดต่อกลับมา ถึงจะไม่ตอบแม่ แต่ก็ต้องมีการตอบกับคนอื่น ที่เขาเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊คว่า ตอนนั้นอยู่ที่นั่นที่นี่ แต่นี่ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในเฟสบบุ๊ค มีแต่เปิดอ่านอย่างเดียว ส่วนตัวพ่อของน้องลิซ่า เขาเป็นคนอังกฤษ ที่กลับประเทศไปแล้วก็ไม่มีการติดต่อกลับมาเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้มีแต่ความเป็นห่วงลูกสาว ที่ยังมั่นใจว่าลูกยังไม่ตาย เพราะว่าหากลูกตายไปแล้ว ก็คงต้องทิ้งโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่มีการอ่านข้อความในเฟสบุ๊ค แต่นี่ยังมีการเคลื่อนไหวเปิดอ่านข้อความ จึงมั่นใจว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่แน่นอน
นางแจ่มฯ บอกอีกว่า ถึงตอนนี้อยากให้ลูกสาวกลับคืนมาบ้าน กลับมาหาแม่บ้างและ กลับมาหาลูกสาว ที่ถามหาแม่ตลอดเวลา ตนอยากฝากบอกว่า ขอให้ลูกกลับมาบ้าน ถ้าได้ดูข่าว หรือเพื่อน ๆ ของลูกสาวดูข่าว ให้บอกด้วยว่า กลับมาเด้อ แม่และน้องลิซ่าเป็นห่วง และก็ดีใจมาก ที่ทางอำเภอเมืองและศูนย์ดำรงธรรม อ.เมือง ออกมาสอบถาม ทำให้ตนมีความหวัง ที่จะติดกตามตัวลูกสาวกลับมาบ้านได้
นายเฉลิมศักดิ์ อินทร์หา ปลัดอำเภอ ฝ่ายความมั่นคง อ.เมือง เปิดเผยว่า หลังมีข่าวว่า นางแจ่มฯ อุ้มน้องลิซ่า หลานสาว เข้าแจ้งความตามหาตัว น.ส.หนูหยาดฯ ลูกสาว แม่ของน้องลิซ่า ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ทางนายอำเภอเมืองอุดรธานี มีความเป็นห่วง จึงให้ตนและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมือง ลงพื้นที่มาพูดคุยสอบถามเพื่อจะช่วยติดตามหาตัว น.ส.หนูหยาดฯ โดยจะเร่งรัดให้ทางตำรวจที่เป็นเจ้าของคดีในการติดตามหาตัว น.ส.หนูหยาดฯ นอกจากจากทางอำเภอเมือง จะทำหนังสือไปยัง ผวจ.ภูเก็ต และศูนย์ดำรงธรรม จ.ภูเก็ต เร่งรัดติดตามอีกทางหนึ่ง เพราะว่าทางบ้านทราบว่า เป็นจุดสุดท้ายที่ทางครอบครัวติดต่อกับ น.ส.หนูหยาดฯ ได้ และจะพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ตามที่ทางครอบครัวมีหมายเลขเบอร์โทร
นอกจากนี้ทางชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอเมือง จ.อุดรธานี จะพิจารณาช่วยเหลือทางครอบครัวของ นางแจ่มฯ และน้องลิซ่า ที่ทำอาชีพรับจ้างเลี้ยงควาย ปลูกพริก และมีฐานะยากจน และจะประสานทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี ในเรื่องของสวัสดิการว่าจะสามารถช่วยเหลือครอบครัวนี้ได้อย่างไรบ้าง ที่นอกเหนือจากเงินผู้สูงอายุที่ทางยายของน้องลิซ่าได้รับ รวมทั้งตัวน้องลิซ่า ที่ขณะนี้ได้รับค่านมเลี้ยงดู ที่ยังมีทางคนในครอบครัวดูแล แต่ไม่มากนัก//////////