นายกสมาคม ผปก.ส่งออกทุเรียนมังคุด เผยสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ค้าขายได้ตามปกติ
4 มี.ค. 2563, 14:50
วันที่ 4 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า โดยนายภาณุวัชร์ ไหมแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนมังคุดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกทุเรียนในปัจจุบัน ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากตลาดกวางโจ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และสามารถค้าขายได้ตามปกติแล้ว และขณะนี้ผลผลิตยังออกสู่ตลาดน้อย ทำให้ทุเรียนไทยไม่พอจำหน่าย ในต่างประเทศ โดยทุเรียนพันธุ์กระดุมที่รับ ซื้อจากเกษตรกรกิโลกรัมละ 130 บาท พันธ์หมอนทอง กิโลกรัมละ 150-160 บาท ถือว่าราคานี้แพงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการตัดทุเรียนอ่อน เพราะจะทำให้เกิดผลเสียระยะยาว ซึ่งจากปีที่ผ่านมา จะมีพ่อค้าคนกลาง หรือเกษตรกร รีบตัดก่อนกำหนด เนื่องจากหวั่นว่าราคาจะถูกลง ส่งผลให้มีทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด และเสียชื่อจังหวัดจันทบุรี อย่างไรก็ตาม ฝากถึงเกษตรกรและพ่อค้าคนกลาง และหน่วยงานภาครัฐ ขอความร่วมมือให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ในเรื่องนี้ด้วย เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งวงการทุเรียนไทย
ด็อกเตอร์รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้จาก จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการเพาะปลูกผลไม้มากสุดในไทยค่อนข้างสูง โดยผลไม้ไทยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์มีการส่งออกไปยังจีนหรือต้องพึ่งตลาดจีนเป็นหลัก ในระยะแรกที่ไวรัสนี้ระบาด ทำให้ล้งใน จ.จันทบุรี ต่างหยุดการรับซื้อผลไม้ทันที เกิดความเดือดร้อนไปยังระบบ ตั้งแต่ชาวสวน ล้ง จนถึงตลาดภายในประเทศจีน ตอนนี้ล้งเพิ่งจะเปิดซื้อผลไม้แต่ราคาไม่ได้สูงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือทุเรียนที่กำลังจะออกสู่ตลาดภายในอีก 2 เดือนต่อไป หากจีนยังไม่สามารถคลี่คลายการระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อผลไม้ไทยทันที จะทำให้มูลค่าการส่งผลไม้ไทยไปยังจีนที่มีมูลค่าสูงมาก จะสูญรายได้ถึงกว่า 50,000 ล้านบาท
ด็อกเตอร์รัฐวิทย์ เปิดเผยอีกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามถึงแม้จะเริ่มส่งผลไม้ไปยังจีนได้บ้างแล้ว แต่ราคาไม่ได้สูงเท่าที่ควร สาเหตุมาจากการซื้อขายผลไม้ในจีนไม่ดีเหมือนทุก ๆ ปี จากเดิมล้งแต่ละล้งสามารถขายผลไม้ในจีนได้วันละหลาย ๆ ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ปัจจุบันขายได้เพียงล้งละ 1 ต่อ 1 วัน หรือ 2 วันขายได้เพียง 1 ตู้เท่านั้น ทำให้ผลไม้ไทยเน่าเสียจำนวนไม่น้อย เพราะคนจีนยังไม่ออกจากบ้านมาซื้อสินค้าหรือผลไม้ไทย หรือออกเพียงจำนวนไม่มาก ซึ่งมาจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในที่สุดล้งจึงต้องซื้อผลไม้ไทยน้อยลง
ด็อกเตอร์รัฐวิทย์ เปิดเผยต่อไปว่า หลังจากนี้อีก 1 เดือน ถ้าจีนสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ วัคซีนที่จีนค้นพบและระบุว่าสามารถรักษาอาการของโรคจากไวรัสชนิดได้ การส่งออกผลไม้ไทยไปจีนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าอีก 1 เดือนหลังจากนี้ไป จีนยังควบคุมสถาการณ์ไม่ได้ จะส่งกระทบอย่างมากต่อผลไม้ไทย ผลไม้ไทยจะเสียหายทั้งระบบ ตั้งแต่ชาวสวน ล้ง จนถึงพ่อค้า แม่ค้าชาวจีนที่ขายผลไม้ไทยในจีน ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหานี้รัฐบาลควรสร้างห้องเย็นใน จ.จันทบุรี นอกเหนือจากที่ไปสร้างในจังหวัดอื่น เพราะแต่ละวัน ในช่วงฤดูผลไม้ จ.จันทบุรี มีผลไม้ออกสู่ตลาดมากถึง 2 – 5 ล้านกิโลกรัม