เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) พ.ต.อ.วัชนินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน (บก.ปทส.) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง, เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล, เจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดราชบุรี และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ได้เดินทางเข้าร่วมตรวจสอบที่ดิน บริเวณหมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นที่ดินถือครองของ นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ หลังนายวีระ ได้ร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 419/2562 ให้ดำเนินคดีกับนายทวี ไกรคุปต์ ในข้อหาบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐ ซึ่งแจ้งร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ร่วมตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้กว่า 20 บ่อ และการขุดเจาะบ่อบาดาล 13 จุด เพื่อนำไปเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี ที่นายวีระ เป็นผู้กล่าวร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ทาง บก.ปทส. ได้มีหนังสือเชิญมาให้ตนมาร่วมตรวจสอบที่ดินของ นายทวี ไกรคุปต์ จำนวน 1,039 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ถาวร ที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีการรางวัดเรียบร้อยแล้วจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และพื้นที่ สปก. ส่วนพื้นที่บ้านของ นายทวี และตรงบ่อเลี้ยงจระเข้กว่า 20 บ่อ ก็อยู่ในเขตป่าถาวร ซึ่งวันนี้จะเน้นในการตรวจความลึกของบ่อบาดาลทั้ง 13 บ่อ ว่ามีความลึกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งที่จริงแล้วในการขุดบ่อบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ถือว่ามีความผิด

ส่วนเรื่องของบ่อจระเข้ ซึ่งตนได้สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดราชบุรี ทางเจ้าหน้าที่ได้ยอมรับว่า ได้มีการเข้ามาตรวจก่อนจะอนุญาตให้เลี้ยงจระเข้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประมง ไม่รู้ว่าที่ดินดังกล่าวมันถูกกฎหมายหรือไม่ ในส่วนตัวของตนไม่เชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่จะไม่รู้ว่าพื้นดังกล่าวไม่ถูกกฎหมาย และที่สำคัญสำนักงานประมงอ้างว่า มีการออกใบอนุญาตให้โดยแค่ นายสีหนาท ไกรคุปต์ นำบ้านเลขที่ 72/1 หมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย ไปแสดงแค่นั้น โดยไม่มีหลักฐานครอบครองถูกต้องตามกฎหมายโดยชอบไปยื่นขอการเลี้ยงจระเข้ ซึ่งตรงนี้ตนเห็นว่าเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย จึงต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดและแก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

ในส่วนของความคืบหน้าของคดีตอนนี้ คดีถูกโอนเรื่องมาที่ บก.ปทส. ได้มีการแต่งตั้งพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 9 มี.ค.63 จึงทำให้วันนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปทส. จึงต้องเริ่มเข้ามาตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ แต่เพียงฝ่ายเดียว คือทาง บก.ปทส. จะดำเนินการรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีนี้ แต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ตนเองและป่าไม้ ได้แจ้งความไว้ สภ.สวนผึ้ง ในข้อกล่าวหา นายทวี บุกรุกป่าสงวนและป่าถาวร และคดีที่ลูกสาวของ ลุงเสี้ยว นำพา ได้แจ้งความไว้กับ นายทวี ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ ส่วนก่อนหน้านี้ ที่ทางพนักงานสอบสวนของ สภ.สวนผึ้ง ได้แจ้งกับตนว่า สำนวนคดีของ นายทวี ที่ตัวเองมาแจ้งความไว้ ถูกทาง บก.ปทส. ขอเอาไปแล้วทำให้สำนวนหายไปนั้น ซึ่งตนได้รับการชี้แจงจากทาง บก.ปทส. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่อแต่นี้ทุกคดีทาง บก.ปทส. จะเป็นคนรับผิดชอบเกี่ยวกับคดีทั้งหมด แต่เพียงฝ่ายเดียว