สุดสลด ! เพลิงไหม้กุฏิ "พระลูกวัด 2 รูป" มรณภาพคากองเพลิง
25 มี.ค. 2563, 08:24
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.หมัดอุเส็น เหมาะสนิ สารวัตรสอบสวน สภ.แสวงหา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้กุฏิพระและกำลังลุกลามขยายวงกว้าง เหตุเกิดบริเวณภายในวัดแสวงหา หมู่ที่ 5 ตำบลแสวงหา อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมประสานขอรถดับเพลิงจากเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล ทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 29 คัน เดินทางไปช่วยระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมีนายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พล.ต.สังวาลย์ ฤกษ์ศรีลักษณ์ ผบก.ภ.จว.อ่างทอง นาย วรัตน์ มาประณีต นายอำเภอแสวงหา เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้กุฏิ 2 ชั้น ซึ่งปลูกเป็นไม้เก่าด้านบน ด้านล่างเป็นปูนของพระและเณร จำนวน 4 หลัง 16 ห้อง ที่ปลูกอยู่ด้านหลังวัด และกำลังจะลุกลามไปไหม้ศาลาหลังใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นที่แคบและรถดับเพลิงขนาดใหญ่สามารถวิ่งผ่านได้คันเดียว จึงต้องใช้วิธีส่งต่อน้ำระหว่างรถน้ำดับเพลิง ช่วยกันฉีดสกัดเพลิงที่กำลังลุกลามไหม้ศาลาใหญ่ ทั้งชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์และพระ เณร ในวัดต่างช่วยกันขนย้ายพระพุทธรูปและของมีค่าหนีเพลิงไหม้กันโกลาหล และยังมีเสียงระเบิดอยู่เป็นระยะ ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการควบคุมเพลิงนานกว่า 2 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ ทางด้านนายอำเภอ สั่งให้เจ้าหน้าที่อำเภอประกาศให้ชาวบ้านที่มามุงดูและไม่เกี่ยวข้องให้เดินทางกลับบ้าน เนื่องจากในขณะนี้มีเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระบาด อาจจะทำให้มีการกระจายเชื้อลุกลามไปติดผู้อื่นได้
จากการตรวจสอบพบพระมรณภาพอยู่ในกุฏิด้านหลัง จำนวน 2 ราย ถูกเพลิงคลอกเป็นตอตะโกจนจำไม่ได้ ทราบชื่อต่อมา พระครูสมุภัชชา เชื้อแดง อายุ 33 ปี พระลูกวัด พบนอนมรณภาพอยู่ใกล้กับพระพุทธรูปในห้องชั้นล่างในกุฏิด้านหลัง ส่วนอีกราย ทราบชื่อ พระสัมฤทธิ์ อิทธิเตโช อายุ 78 ปี พระลูกวัด ที่นอนมรณภาพอยู่ใต้ซากอยู่ในกุฏิติดกัน ด้าน นาย ฟ้อน เชื้อแดง อายุ 66 ปี พ่อของพระสมุภัชชา เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเพลิงไหม้ยังเห็นพระลูกชายนำถังดับเพลิงออกไปช่วยดับเพลิง จากนั้นได้วิ่งเข้าไปในกุฏิ คาดว่าน่าจะเข้าไปเก็บของและไปช่วยพระสัมฤทธิ์ ที่ชราภาพมากแล้ว แต่ออกมาไม่ทันจึงถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต จากการสอบถาม พระสมุถวิล ปิยะธโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุไม่ได้เห็นเหตุการณ์ เนื่องจากพระและเณรมาช่วยกันสร้างศาลา จนมีพระที่อยู่ในกุฏิมาตะโกนบอกว่าเพลิงไหม้กุฏิ เมื่อวิ่งไปดูก็พบว่าเพลิงได้เริ่มลุกลามมาจากกุฏิทางด้านใต้ ที่พระทั้ง 2 รูปมรณภาพ แล้วลุกลามมาทางสายไฟจนไหม้กุฏิพระ และเณรจนหมด และศาลาใหญ่บางส่วนได้รับความเสียหาย ทางด้าน นาย วรัตน์ มาประณีต นายอำเภอแสวงหา กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าต้นเพลิงเกิดจากกุฏิทางทิศใต้ด้านหลังวัด ประกอบกับในช่วงนี้มีลมพัดกระโชกแรง ทำให้เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว และการเข้าควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างลำบาก จึงลุกไหม้กุฏิพระและเณรที่อยู่โดยรอบจนหมด แล้วลุกลามไปไหม้ศาลใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเก็บทรัพย์สินที่มีค่าไว้ได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งสาเหตุและค่าเสียหายทั้งหมดยังไม่สามารถประเมินได้ คงต้องรอเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบว่าสาเหตุว่าเกิดมาจากสาเหตุใด
เบื้องต้นตามกุฏิพระและเณรไม่น่าจะมีทรัพย์สินที่มีค่ามากนัก จะมีทรัพย์สินที่มีค่าที่เก็บอยู่ในศาลาใหญ่ คาดว่ามูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่าล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป