เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 3 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวONB newsรายงานที่บริเวณหน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามที่รัฐบาลได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักร โดยมี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รอง ผบช.ภ. 8 นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ หน.ปภ.จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทน สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทหาร มทบ.45 ป.ป.ส.ภาค8 ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขนส่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อาสาสมัครตำรวจ และมูลนิธิต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน กว่า 200 นาย

จากนั้นได้ไป ตระเวนดูตามสถานที่ต่างๆ และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 จุด ประกอบด้วย แยกศรีเกษม แยกศรีวิชัย แยกป่าไม้ และทางไปเกาะลำพู เช่นเดียวกับสถานีตำรวจภูธรอีก 18 อำเภอ ได้ปล่อยแถวพร้อมกันทั้งจังหวัด เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และการป้องกันการฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิวที่ห้ามออกนอกเคหะสถานเวลา 22.00-04.00 น. ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดเพิ่มเติมตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป 
ซึ่งพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั้งจังหวัด ฯ

นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎ์ธานี  กล่าวว่า การปล่อยแถวป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตามที่รัฐบาลประกาศ เคอร์ฟิว ทั่วราชอาณาจักร นั้นในส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีจุดตรวจด่านความมั่นคงทั่วทุกอำเภอ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกัน ระหว่าง ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในส่วนของ วันที่ 3 เมษายน เป็นคืนแรกที่ใช้มาตราการดังกล่าว ได้เน้นย้ำให้สร้างความเข้าใจ และตักเตือนให้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด และหลังจากนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์นั้นจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ สำคัญที่สุดคือความร่วมมือจาก                พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในการหยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อป้องกันเชื้อโควิด19 ไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปมากกว่านี้และให้สถานการณ์เข้าสู้สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด