คืบหน้าคดีที่ นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา จับกุม นายพันธกานต์ บุญมี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/19 ซ.บรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. และ นายธนวัฒน์ ศิริโมลิน อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 5 ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ข้อหา “ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นที่ด่านเคอร์ฟิวบนถนนสายกาญจนบุรี-เขื่อนศรีนครินทร์ จุดปฏิบัติการบ้านโป่งปัด หมู่ 6 ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี 

ล่าสุดวันนี้ (26 เม.ย. 2563) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า หลังการจับกุม นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อ นายวิฑูรย์ สิรินุกุล นานอำเภอเมืองกาญจนบุรี รับทราบ และได้ประชุมร่วมกับ นายวีระ หิรัญกุล ปลัดอาวุโส และปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง/ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมีมติให้ นายวสันต์ พร้อม นายอภิชาติ เสือบุญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

หลังจากนั้น นายวสันต์ พร้อม นายอภิชาต ได้เดินทางมาที่ สภ.ลาดหญ้า เข้าพบ ร.ต.อ.ธีรยุทธ อังวะ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่ นายพันธกานต์ บุญมี อายุ 28 ปี และ นายธนวัฒน์ ศิริโมลิน อายุ 26 ปี ข้อหา “ออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่” เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายพันธกานต์ บุญมี เพิ่มเติมในข้อหา ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เพิ่มอีก 1 ข้อหา โดยนำคลิปภาพและเสียงพร้อมสำเนาเอกสารคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเพื่อปฏิบัติระดับตำบล ที่ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ต.ช่องสะเดา และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

โดย ร.ต.อ.ธีรยุทธ ได้ทำการสอบปากคำ นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา และ นายอภิชาติ เสือบุญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในฐานะผู้เสียหาย และจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการแจ้งข้องกล่าวหาต่อ นานพันธกานต์ ต่อไป ซึ่ง นายพันธกานต์ และ นายธนวัฒน์ ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง ยังไม่มีการติดต่อยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด

ด้าน นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เวลาประมาณ 23.10 น. ของคืนที่ผ่านมา รถคันดังกล่าวได้ผ่านเข้ามาที่จุดตรวจ เราก็พยายามเรียกเพื่อถามเหตุผลว่าจะไปไหน บุคคลในรถตอบกลับมาว่า จะไปหาอะไรกิน เราจึงแจ้งไปว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะตอนนี้เป็นช่วงเคอร์ฟิวแล้ว ขอให้จอดรถลงมาพูดคุยกันก่อน แต่ปรากฏว่า ชายในรถเกิดอารมณ์เสีย เมื่อลงมาจากรถได้ก็โวยวาย และพูดจาท้าทาย รวมทั้งด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยคำหยาบคาย และพยายามจะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดอารมณ์ เราจึงไม่ทำให้ปัญหาบานปลาย และพยายามเดินหนีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหตุการณ์ดีขึ้น จึงเชิญตัวมาที่สถานีตำรวจ

ขณะเกิดเหตุชายคนดังกล่าวมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ขณะที่เราก็พยายามพูดจาดีๆ เพื่อให้ชายคนดังกล่าวใจเย็นๆ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วที่เราเรียกขอคุยด้วยดีๆ เพื่อทำบันทึกตักเตือนเท่านั้น แล้วจะให้กลับไปยังจุดที่เขาเดินทางมา แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอม ซึ่งตอนแรกชายคนดังกล่าวไม่ยอมไปที่สถานีตำรวจ เราต้องใช้เวลาพูดคุยเจรจานานกว่า 30 นาที ระหว่างพูดคุยเจรจาชายคนดังกล่าวพยายามที่จะขับรถหนี เราจึงให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงสลับเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจ จนกระทั่งชายคนดังกล่าวยอมมาที่สถานีตำรวจ โดยให้เหตุผลในขณะนั้นว่า หากเขาไม่ยอมมา ก็เสียเวลาเขา ดังนั้นเขาจะมาเพื่อให้เรื่องจบๆ ไป

สำหรับข้อกล่าวหาที่เราได้แจ้งความไว้คือ ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวฯ และเมื่อปรึกษาหลายๆ ฝ่ายแล้ว ให้ความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการลบหลู่และดูถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน