วันที่ 4 พ.ค. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่บริเวณป่าทางทิศใต้บ้านแซรไปรในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ทับซ้อนเขตป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี “ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา” ท้องที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ห่างจากชายแดนไทย - กัมพูชา ประมาณ 5 กิโลเมตร  นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์ป่าที่ 2 ชุดลาดตระเวน Smart Patrol ห้วยศาลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร.1633 กองร้อยทหารพรานที่ 2301 เข้าทำการตรวจยึดไม้ชิงชัน จำนวน 9 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 0.55 ลบ.ม. โดยไม่ได้ตัวผู้กระทำผิด เป็นการต่อเนื่องขยายผล คดีเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา  ซึ่งได้มีการจับกุมชาวกัมพูชา จำนวน 1 คน พร้อมด้วยไม้ชิงชันของกลางจำนวนหนึ่งไปแล้ว  เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันแบกลำเลียงไม้ชิงชันขนาดใหญ่ จำนวน 9 ท่อน ออกจากที่เกิดเหตุด้วยความยากลำบากมาก เนื่องจากว่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าทึบและจะต้องระมัดระวังการลอบโจมตีของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่แอบลักลอบเข้ามาตัดไม้มีค่าในเขตแดนไทยอีกด้วย

นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 63 ตนและคณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกันจับกุมชาวกัมพูชา จำนวน 1 คน ที่ลักลอบเข้ามาตัดไม้บริเวณนี้ และจากการสอบสวนขยายผลทราบว่า มีชาวกัมพูชาเข้ามาลอบตัดไม้ครั้งนี้ จำนวน 13 คน มีคนไทยเป็นคนนำทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการจับกุม กลุ่มคนร้ายได้พากันวิ่งหลบหนีเข้าไปในเขตประเทศเพื่อนบ้าน จากการตรวจสอบพบว่า มีไม้ชิงชันซุกซ่อนอยู่บริเวณนี้  จึงได้วางกำลังเพื่อดักซุ่มคนร้ายที่จะกลับมาเอาไม้ที่ตัดไว้ 

หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา กล่าวต่อไปว่า จากการดักซุ่มตลอดคืนไม่พบคนร้ายเข้ามาขนเอาไม้ชิงชันที่ตัดไว้แต่อย่างใด จึงได้เข้าทำการตรวจยึดไม้ชิงชัน จำนวน 9 ท่อน พร้อมด้วยอุปกรณ์เสพยาไอซ์และเสพยาบ้า เลื่อยจำนวน 1 ปื้น  ซึ่งไม้ชิงชันทั้งหมดหากส่งไปขายต่างประเทศจะมีมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท โดยขณะนี้ไม้ชิงชันมีการออเดอร์เข้ามาทางประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ตนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11,48  พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53,55(5) นำของกลางส่งมอบ พนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป