เขื่อนปราณบุรีแห้ง เกษตรกรประจวบฯ หวั่นไม่มีน้ำให้รดผัก
7 พ.ค. 2563, 11:33
วันที่ 7 พ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนเกษตรกรในพื้นที่อำเภอปราณบุรี เพื่อรับทราบปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ของปีนี้ว่าเป็นเช่นไร เกษตรกรมีความยากลำบากเพียงไร โดยได้ลงพื้นที่บริเวณ หมู่ 4 บ้านท่าวังหิน ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร ประเภท สับปะรด และพืชล้มลุกต่าง ๆ เช่น พริก มะเขือยาว มะเขือเทศ ถั่ว มะนาว และอื่น ๆ เป็นต้น ที่อาศัยน้ำจากแหล่งต้นน้ำเขื่อนปราณบุรีใช้ในการเกษตร โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนายประโลม ชูช่วย อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 4 ซอย 8 คุ้มเขาตกน้ำ บ้านท่าวังหิน ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีอาชีพปลูกมะเขือยาวและถั่วฟักยาวส่งขายเป็นเป็นอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัว
นายประโลม เล่าว่า ที่ผ่านมาในคลองสายนี้มีปริมาณน้ำอยู่เต็มฝั่งตลิ่ง แต่ปัจจุบันประสบปัญหาแห้งแล้งทำให้น้ำลดปริมาณลงไปมากจนเหลือก้นคลอง เกรงว่าต่อไปจะไม่มีน้ำไว้ให้ใช้อุปโภคบริโภคและรดพืชผลทางการเกษตร ซึ่งตนเองได้ปลูกถั่วฟักยาวกับมะเขือยาวไว้ทั้งหมดจำนวน 3 ไร่ เป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันยังประสบปัญหาราคาตกต่ำอีก เนื่องจากสาเหตุโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่ค่อยมีคนรับซื้อ ซึ่งเกรงว่าประมาณปลายเดือนพฤษภาคมน้ำในคลองจะแห้งจนหมดไม่มีน้ำไว้ให้รดผักอีก เพราะในแต่ละวันปริมาณน้ำในคลองได้ลดระดับลงมากไม่ต่ำกว่า 1 วา หากน้ำแห้งจนหมด ตนก็ต้องหยุดทำการเกษตร และขาดรายได้
ซึ่งตนเองยังมีภาระค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลครอบครัว และยังมีลูกที่ต้องเรียนหนังสืออีก 3 คน จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้วยการมาทำฝนเทียมเพื่อให้มีน้ำตกลงไปในเขื่อนแล้วเพิ่มปริมาณขึ้น หรือมาขุดลอกคูคลองเปิดตาน้ำให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งยิ่งดี ในการลงทุนทำการเกษตรแต่ละครั้งมีต้นทุนที่สูง เวลาขายก็ได้เพียงแค่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้อยู่รอดไปวันๆไม่มีเหลือให้เก็บ แต่ถ้าหากทำการเกษตรแล้วไม่มีน้ำใช้ทุกอย่างก็จบ ไม่มีรายได้แน่นอน ซึ่งสับปะรดของตนที่ปลูกไว้ก็แห้งตายไปอย่างหนึ่งแล้วเนื่องจากอยู่ห่างไกลแหล่งน้ำ นายประโลม กล่าว