คืบหน้ากรณีเรื่องเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน งวดวันที่ 1 พ.ย. 2560 หมายเลข 533726 จนเป็นข่าวดังข้ามปี ระหว่างครูปรีชา  ใคร่ครวญ กับ ร้อยตำรวจโท จรูญ  วิมูล อดีต ตำรวจ สภ. บ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี สำหรับคดีที่ทนายครูปรีชาหมิ่นประมาทคุณลุงจรูญ หลังจากที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งว่าคดีมีมูลไปแล้ว วันนี้นัดพร้อมสอบคำให้การจำเลย โดยวันนี้ศาลใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนให้มีการนัดสืบพยานไปในวันที่ 8 – 9 ก.ย. 2563

 

คดีหลักหวย 30 ล้าน ที่ครูปรีชาฟ้องคุณลุงจรูญ ยักยอก หรือรับของโจร ศาลจังหวัดกาญจนบุรียกฟ้องไปแล้ว ครูปรีชาอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 มิถุนายน 2563 นี้ หากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีจะต้องห้ามฎีกา  และเมื่อคดีสิ้นสุดหลายๆคดีที่รอไว้ ก็จะกลับมาพิจารณากันต่อ ไม่ว่าจะเป็นคดีนายแผนที่ฟ้องคุณลุงจรูญ หรือคดีที่คุณลุงจรูญ ฟ้องครูปรีชากับพยาน ในเรื่องเบิกความเท็จในชั้นไต่สวนฉุกเฉินอายัดเงิน ส่วนคดีที่คุณลุงจรูญฟ้องครูปรีชา กับทนายครูปรีชาไว้ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ เนื่องจากช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิด19 จึงเลื่อนไป ไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 5 ตุลาคม 2563

 

วันนี้ 18 พ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ทั้ง 2 ฝ่ายได้เดินทางไปถึงศาลในเวลาไล่เรี่ยกัน โดยนายษิทรา  เบี้ยบังเกิด พร้อมด้วย ร้อยตำรวจโทรจรูญ  วิมูล อดีตตำรวจ สภ.บ่อพลอย และทีมทนายประชาชน ไปถึงก่อน จากนั้น นายวรยุทธ  บุญวงศ์ใส พร้อมด้วยทีมทนายความ ได้ไปถึง ทั้งหมดได้ขอตัวเข้าไปยังศาลเนื่องจากใกล้เวลาศาลนัด และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดได้เดินลงออกมาจากศาล โดยทีมของนายวรยุทธ  บุญวงศ์ใส ได้เดินลงมาก่อน

 

นายวรยุทธ  บุญวงศ์ใส ทนายครูปรีชา ได้บอกว่าเนื่องจากร้อยตำรวจโท จรูญ ได้เป็นผู้ฟ้องร้องตนเองโดยกล่าวหาว่าตนหมิ่นประมาท ศาลจึงได้มีการนัดไต่สวน ซึ่งศาลนัดสืบพยานในวันที่ 8 – 9 ก.ย. 2563 โดยทางฝ่ายตนเองได้แจ้งว่ามีสืบ 5 ปาก อีกฝ่ายมี 3 ปาก ส่วนทางทนายวรยุทธ จะเชิญทางรายการทีวีที่ตนไปออกรายการ (ช่อง 8) รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายราชบัณฑิตยสถาน  มาช่วยพิจารณาตีความว่าถ้อยคำที่ตนเองพูดไปทั้งหมดว่า ทนายความไม่สามารถพูดได้ เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานให้กับทนายความทั่วไปได้รับทราบ หากทนายความจะไม่สามารถพูดอะไรได้ และในวันนี้ศาลท่านได้กำชับว่าต่อไปอย่าได้ไปพูดละเมิดกันให้เกิดปัญหาอีก ตนเองไม่ได้หนักใจใดๆ ถือความสุดจริตเป็นที่ตั้ง การเข้ามาทำคดีให้ ครูปรีชา  ใคร่ครวญ ก็ทำหน้าที่ตามทนายความ ไม่มีนอกเหนืออะไรจากนั้น ทำตามข้อเท็จจริง ส่วนการพิจารณาวินิจฉัยต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ของศาล

 

โดยในวันนี้ตนเองได้ร้องขอให้ศาลวางข้อกำหนด ให้ทนายฝ่ายโจทก์อย่าได้ออกไปพูดแจ้งหมายข่าว หรือตามเพจ หรือช่องทางอื่นๆ เท่านั้น อาจจะทำให้เกิดการละเมิดกัน ประชาชนต้องทำความเข้าใจว่าตนเองได้ไปใส่ความฝ่ายใดหรือไม่ เราต้องมาพิสูจน์กันต่อไป

 

ทนายความของ นายวรยุทธ  บุญวงศ์ใส บอกว่า ปกติทนายความก็มีบ้างที่กระทำความผิดถูกดำเนินคดีเสียเองขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ส่วนการมาเป็นทนายให้กับ นายวรยุทธ  บุญวงศ์ใส ก็ไม่ได้หนักใจอะไรว่าไปตามพยานหลักฐาน จำเลยสืบ 5 ปาก โจทก์มี 3 ปาก

 

นายษิทรา  เบี้ยบังเกิด ไปเป็นทนายให้กับลุงจรูญ ในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่าว่า ศาลได้นัดสืบพยานในวันที่ 8 – 9 ก.ย. 2563 ฝ่ายเราอ้าง 3 ปาก ฝ่าย วรยุทธ อ้างไว้ 5 ปาก ในคลิปมันชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นการพูดที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเชิญทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายราชบัณฑิตยสถาน  มาช่วยพิจารณา วิญญูชนต้องรู้อยู่แล้ว คลิปออกมาพูดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการทำของอาชญากร อย่างนี้ประชาชนที่ดูรายการ เขาดูออกแล้วว่าใครจะเสียหาย และการไปออกรายการหรือพูดในเรื่องนี้ก็หลังจากศาลได้พิจารณาถอนอายัดไปแล้วด้วย โดยไปให้สัมภาษณ์ที่กองปราบ แล้วก็รายการทีวีช่อง 8

 

สำหรับคดีนี้ไม่ได้มีอะไรมากเลย คลิปที่ตนได้ยื่นกับศาล นั้นมันชัดเจนว่าใครผิดใครถูก จริงๆ ตนเองหรือลุงจรูญ  ไม่ต้องเบิกความเสียด้วยซ้ำ เพราะคลิปมันเป็นหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว ตนเองก็เคยถูกฟ้องมาเยอะมากในคดีหวย 30 ล้าน แต่แล้วศาลท่านก็ยกฟ้อง เพราะตนเองไม่ได้ไปกล่าวโทษชี้ว่าใครผิดใครถูก เราจะไปออกรายการได้ แต่เราอย่าไปยัดเยียดฟันธงกล่าวว่าใครผิดใครถูกเท่านั้นเอง เราเป็นทนายความเราแค่ทำหน้าที่นำพยานหลักฐานเสนอต่อศาลเท่านั้น หรือเราสงสัยเราอาจจะถามสังคมนั่นอีกเรื่อง อย่าไปฟันธง อันนี้เป็นเรื่องการเบี่ยงเบนประเด็นไปแล้ว

 

ส่วนคดีอื่นๆ หลังจากศาลพิจารณาคดีไปแล้ว ขึ้นอยู่กับลุงจรูญ ว่าจะฟ้องใครต่อไปบ้าง เพราะเรายังไม้ได้ยื่นฟ้องใครเลย เป็นแค่ฟ้องครูปรีชา กับ ทนายครูปรีชา เท่านั้น เรื่องอื่นๆ เลื่อนออกไปหมด แต่เรื่องต่างๆ คืนหลับมาถึงขั้นอุทรณ์ฎีกา มันจึงมาผูกพันกันแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันอยู่ที่ลุงจรูญ จะฟ้องพยานใครบ้างที่มาเบิกความ ว่ามีใครบ้าง

 

ส่ำหรับวันนี้ทางทนายวรยุทธ ได้ขอศาลออกข้อกำหนด ว่าหลังจากนี้อย่าได้มีการโพสต์อะไรออกมาอีก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคดีของเขา เรื่องแบบนี้ตอนเราตกเป็นจำเลย ฝ่ายเขาสามารถกระทำแบบนี้ก็มี แต่ทำไมวันนี้เราเป็นโจทก์บ้าง ทำไมเราไม่มีสิทธิ์โพสต์ได้เลย ตนเองจึงได้เรียนศาลไปเช่นนี้ ทางศาลจึงได้แจ้งว่าจึงขอให้เคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน อย่าได้ไปเอ่ยชื่อทนายเขาแล้วกัน ให้หลีกเลี่ยงเป็นอย่างอื่นไปแล้วกัน ในที่สุดศาลก็ไม่ได้ออกข้อกำหนดอะไรสามารถให้สัมภาษณ์ได้ แต่คราวหน้าศาลกำหนดก็จะพูดอะไรกับสื่อไม่ได้อีกต่อไป

 

ส่วนลุงจรูญ  วิมูล เหมือนเดิมพูดเพียงสั้นๆ แต่ใจความขว้างมากๆ โดยบอกว่าฟ้องในครั้งนี้เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน ไม่ใช่ใครจะไปพูดอะไรแล้วทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย แล้วเรื่องมันก็จบหายไป สำหรับตนเองไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น จึงได้มาฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท และคดีอื่นค่อยติดตามกันต่อไปว่าจะมีใครอยู่ในกลุ่มนี้บ้าง ใครทำกรรมอะไรไว้มันก็สมควรจะได้รับโทษนั้นๆ ไปว่าความทุกข์ทรมานมันใจขนาดไหน.