จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ว่า “ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าคุณเป็นใครเก่งมาจากไหน ผมไม่เคยรู้จักคุณด้วยซ้ำ #ผมรู้แค่ว่าความปลอดภัยของลูกเมียผมต้องมาก่อน เพราะในรถไม่ได้มีผมคนเดียว มีภรรยาผม ลูกวัย 3 เดือน หลานวัย 7 ขวบ ผมไม่กล้าเอาไปเสี่ยงกับความคึกคะนอง ความเก่งของคุณหรอกครับ ขับรถกำลังจะกลับบ้านดีๆ ก็มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ # ไม่เคยมีเรื่องราวหรือขับปาดหน้ากันมาก่อนนะครับ # เหตุการณ์เกิดขึ้นตามคลิปเลยครับ ผมเคยดูแต่ในข่าวเคยเห็นแต่ในคลิป ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง # ฝากไว้ด้วยนะครับ # ครอบครัวผมปลอดภัยดี # พิกัดบ้านหนองดินแดงทางไปนาแก

โดยเหตุบนถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 2033(นครพนม-นาแก) หน้าโรงเรียนบ้านหนองดินแดง ต.คำเตย อ.เมือง จ.นครพนม วันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เวลา 17.24 น. โดยคลิปจากกล้องหน้ารถโตโยต้า รุ่นรีโว่ ตอนเดียว สีขาว ทะเบียน บท 790 นครพนม บันทึกภาพรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แต่งซิ่งคันหนึ่ง ขับส่ายไปมาลักษณะชวนหาเรื่องตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 พ.ต.อ.วรเพชร เพชรบรม ผกก.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ รอง ผกก.สอบสวน(หัวหน้างานสอบสวน) ได้ติดตามตัวคนขับรถกระบะแต่งซิ่ง ทราบต่อมาว่าชื่อ นายโจ อายุ 31 ปี มาพบกับพนักงานสอบสวน และคู่กรณีคือนายคมศักดิ์  อายุ 31 ปี ในเวลา 10.00 น.

โดยนายโจ เดินทางมาพร้อมกับบิดามารดา ลุง และลูกสาวอายุ 8 ขวบ ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากันที่ห้องทำงาน ผกก.สภ.เมืองนครพนม ซึ่งนายโจยอมรับว่าผิดจริง โดยเล่าว่าในวันดังกล่าวได้ขับรถยนต์คันแต่งซิ่งมาหาเพื่อนที่บ้านหนองดินแดง และกำลังจะกลับแต่ได้จอดรถเกือบกลางเลนเพื่อโทรศัพท์ไปง้อเมีย ที่เพิ่งเลิกกันเมื่อไม่นานมานี้ ขณะกำลังโทรคุยกับเมียตกใจได้ยินเสียงแตรรถมาขัดจังหวะ จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ รีบขับไล่จี้ตามในคลิป ยอมรับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงยกมือไหว้ขอโทษนายคมศักดิ์และนางสาวอ้อม สองสามีภรรยาคู่กรณี

ส่วนนายคมศักดิ์กล่าวว่า กรณีนำคลิปมาเปิดเผยเพราะอยากให้ทุกคนมีน้ำใจบนท้องถนนเผื่อแผ่กัน  เมื่อคู่กรณีสำนึกผิดก็ไม่ติดใจเอาความ เพียงเตือนสติว่าอย่าทำแบบนี้กับใครอีก นายโจรับปากจะจำเหตุการณ์ครั้งนี้ไปจนวันตาย

ด้านนายวันดีผู้เป็นพ่อของนายโจ เล่าว่า ลูกชายมีอาชีพทำงานก่อสร้างอยู่จังหวัดนครปฐม เพิ่งกลับมาอยู่บ้านช่วงโรคโควิด-19 ระบาด และมีปากเสียงจนเลิกกับเมียทิ้งลูกสาวให้ดูแลตามลำพังจึงเกิดความเครียด จังหวะนั้นขาดสติจึงกระทำในสิ่งที่น่าอับอายอย่างมาก

ขณะที่ พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้ตั้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก แก่นายโจ  มาตรา 43 (4) และ (8) จำนวน 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน  2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น มอบให้ ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนฟ้องศาลจังหวัดนครพนม โดยมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท