ชี้ 3 ตำรวจบุกขู่เรียกเงิน 5 ล้าน เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่มิชอบ-เร่งสรุปสำนวนให้ ป.ป.ช.
23 พ.ค. 2563, 15:27
กรณีตำรวจสังกัด บก.สส.ภาค 8 จำนวน 3 นายจับกุมนายอนุชา บินมูซา หรือบังหมัด อายุ 46 ปี พ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้านโดยอ้างทำผิดกฎหมายประมงจนถูกชาวบ้านกว่า 200 คนล้อมรถยนต์ที่ชุมชนบางสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ เนื่องจากมีการใช้อาวุธปืนข่มขู่และอ้างว่ามีการเรียกเงิน 5 ล้านบาทแลกไม่ดำเนินคดี โดยมีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายมี ร.ต.อ.อดิศักดิ์ ชูประเสริฐ รอง สว.ฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.พังงา ด.ต.พิเชษฐ์ ชูรัตน์ ผบ หมู่ (สส) กก.สว.2 บก.สส.ภ.8 และ ด.ต.ธันยพงศ์ ตั้นวิริยะวงศ์ ผบ.หมู่ (สส)กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ไปประจำที่ ศปก.ภาค 8 และถูกนายอนุชา แจ้งความในข้อหากรรโชกทรัพย์ พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นั้น
ความคืบหน้าวันนี้ 23 พ.ค. 63 ผู้สื่อข่าว onbnews รายงายจากสถานีตำรวจภูธรกาญจนดิษฐ์ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตำรวจภูธรภาค 8 ที่มี พ.ต.อ.วิทยา วังส์ด่าน รอง ผบก.สส.ภาค 8 เป็นหัวหน้าคณะได้มอบให้ พ.ต.อ.ณพชร เขียดแก้ว ผกก.กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กก.สส.ภาค 8 มาสอบปากคำนายอนุชา ผู้เสียหายและพยาน 2 ปากมีนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตกำนัน ต.ทุ่งกง อ.กาญจนดิษฐ์และที่ปรึกษาสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้ชายอีก 1 คนเป็นคนขับรถนายอนุชา ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ได้สอบถามนายพงษ์ศักดิ์ รู้จัก 3 ตำรวจดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์รู้จักเพียง 2 นายคือด.ต.พิเชษฐ์ และ ด.ต.ธันยพงศ์ เนื่องเคยทำงานอยู่ในพื้นที่ และตนได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านให้มาช่วยเจรจา
จากนั้นจึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุเพื่อนำชี้ลักษณะของการเกิดเหตุในวันดังกล่าวเพื่อใช้ประกอบกับสำนวนการสอบสวนโดยคณะทำงานจะเร่งสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อรวบรวม ข้อมูลต่างๆ ให้แล้วเสร็จส่งสำนักงาน ปปช ภายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
สำหรับอ่าวบ้านดอนจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นแหล่งเพาะพันธ์ลูกหอยแครงที่สำคัญ เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ทำให้ ลูกหอยแครงเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาทในแต่ละปี เป็นเหตุให้นายทุนบุกรุก ปักแนวเขตป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าจับลูกหอยแครง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวประมงพื้นบ้านนานนับ 10 ปี ประกอบกับกฎหมายประมงห้ามจับและเคลื่อนย้าย ลูกหอยออกจากพื้นที่ แต่ได้มีนายทุนลักลอบทำมาโดยตลอด
แต่เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประมงพื้นบ้าน ได้มีการแก้ไขกฎหมายให้สามากจับและเคลื่อนย้ายลูกหอยได้ โดยไม่ใช้ เครื่องจักรกลในระยะ 1000 เมตรจากแนวชายฝั่ง ประกอบกับจังหวัดได้มีมติให้หรือถอนคอกหอยที่มีการปักจับจองพื้นที่ในทะเล ทำให้ชาวบ้านชาวประมงชายฝั่งสามารถทำมาหากินได้ ด้วยการงมหอยด้วยมือเปล่าหรือสวิงและมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อลูกหอยถึงที่ ทำให้นายทุนเสียผลประโยชน์มหาศาลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายเข้าจับกุมและเรียกรับผลประโยชน์จากพ่อค้าลูกหอยดังกล่าว