สาวจบ ม.เกษตร ลาออกงานประจำ หันเลี้ยงไก่สร้างรายได้ เผยเคล็ดลับ เปิดเพลงให้ไก่ฟัง
14 มิ.ย. 2563, 13:42
วันที่ 14 มิ.ย. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news ได้รับการเปิดเผยจาก นางสาวรัตนาภรณ์ หรือน้องสาว อ่วมอ่อน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/2 หมู่ 6 ต.บางหมาก อ.เมือง จ. ชุมพร เรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน สาขาพืชสวน ว่า สาเหตุที่ตนเองเลือกเรียนพืชสวน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรกำแพงแสนเพราะคิดว่าเป็นสาขาที่เรียนยากที่สุดและหน่วยกิจเยอะที่สุด เรียนได้ว่าเป็นสาขาวิชาที่เจ๋งที่สุดยากที่สุด เป็นความท้าทายในการเรียนที่ทำให้ตนเองต้องมีความพยายามที่จะเรียนในสาขาที่ยากจนจบให้ได้ และสุดท้ายก็ทำได้และจบมาในเกรดเฉลี่ยที่ 2.70
น้องสาว กล่าวว่า เมื่อเรียนจบแล้ว ตนเองมีความคิดที่ไม่อยากไปทำงานให้คนอื่น ถ้าเราจะเหนื่อยต้องเหนื่อยให้ตัวเราเอง ต้องเหนื่อยเพื่อครอบครัวและในพื้นที่ของตนเอง ถึงจะเหนื่อยก็ได้เราไม่ใช่ได้คนอื่น เพราะหากเราทำงานให้คนอื่น หากวันใดที่เราไม่สบาย บริษัทก็ไม่ได้มาดูแลเรา แต่หากเราทำอะไรที่เป็นของเราในพื้นที่ของเรา ถึงวันที่เราป่วยสิ่งเหล่านั้นมันก็ยังอยู่ ยังมีครอบครัวคอยดูแล แต่ก่อนหน้าที่จะมาทำงานที่บ้าน ตนเองก็เคยไปสมัครงาน เพื่อที่อยากรู้ว่าตนเองเรียนจบแล้วสามารถทำงานหรือไปสมัครงานที่อื่นๆจะมีคนรับหรือเปล่า ซึ่งในทุกๆที่ ที่ตนเองไปสมัครงาน ก็สามารถสอบเข้าไปทำงานได้ทุกที่ และก็ได้ลองไปทำงานแต่ สุดท้ายในความคิดของตนเองก็ยังคงอยากที่จะมาทำอะไรเป็นของตนเองอยู่ดีและการไปทำงานประจำแบบนั้นมันก็เป็นการทำให้คนอื่น จึงได้ลาออกจากงานประจำและกลับมาอยู่บ้านและทำอะไรที่เป็นของเราเอง โดยพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เห็นด้วยที่ตนเองกลับมาอยู่บ้าน พ่อกับแม่ยังอยากที่จะให้เราไปทำงานประจำ แต่สุดท้ายตนเองก็พยายามที่จะทำให้แม่กับพ่อเห็นว่าเราก็ทำงานที่บ้านได้
โดยเริ่มจากที่แม่เลี้ยงไก่ไข่ไว้กินเองที่บ้านเพียงไม่กี่ตัว เราก็มาเพิ่มไก่ให้มีจำนวนมากขึ้นโดยเริ่มตนจากการเก็บไข่ไก่ขาย หากถามว่าสาขาวิชาที่จบมากับการทำงานจริงในปัจจุบัน มันคนละแนวกันเลยด้วยซ้ำระหว่างพืชกับสัตว์ แต่อาศัยประสบการณ์การเลี้ยงไก่จากแม่ การหาข้อมูล การลองผิดลองถูกและการถามจากผู้รู้ ประสบการณ์ที่สอนให้เราเรียนรู้และจดจำมากที่สุดในการเลี้ยงไก่คือ ครั้งแรกตนเองเอาไก่มาเลี้ยงจำนวน 600 ตัว โดยเงินลงทุนในการเลี้ยงไก่ครั้งนี้ตนเองได้ขอยืมเงินจากพี่ชายจำนวน 1 แสนบาทในการเริ่ม ปัญหาหลังจากที่เอาไก่ 600 ตัวมาเลี้ยงคือไก่เป็นโรคและตายไปประมาณ 400 ตัว ตอนนั้นตนเองก็เริ่มท้อ และคิดว่าหรือมันจะไม่เหมาะกับตนเอง หรือมันไม่ใช่ทางของเรา แต่พอเริ่มเห็นแม่ทำแม่เริ่มแก้ปัญหา มันทำให้เริ่มรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นประสบการณ์ของเรา และเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราอีกเลย
น้องสาว กล่าวต่อว่า ปัจจุบันไก่ที่เลี้ยงเหลือประมาณ 150 ตัว ส่วนหนึ่งได้จับขายไปบางส่วนเพราะอายุไก่ที่มากขึ้น และกำลังจะเพิ่มไก่ชุดใหม่ โดยวิธีการเลี้ยงไก่ของเราที่ไม่เหมือนที่อื่น คือนอกเหนือจากอาหารเม็ดที่ให้ไก่ได้กินแล้ว เราจะให้ไก่ได้กินผัก กินหญ้ากินใบตำลึง หรือผลไม้ในสวนที่มี เช่นมะละกอ ขนุน และมีอาหารเสริมคืออาหารหมักที่ใช้ต้นกล้วย เกลือและกากน้ำตาลมาหมักทิ้งไว้และเอาให้ไก่ได้กิน ที่สำคัญคือไก่ที่เลี้ยงจะปล่อยให้วิ่งเล่น ให้ไก่ออกกำลังกาย พร้อมกับเปิดเพลงลูกทุ่ง ให้ไก่ได้ฟัง ทำให้ไก่อารมณ์ดี โดยตนเองคิดว่า หากเราเปิดเพลงร็อค เปิดเพลงสติงคให้ไก่ฟัง กับอากาศร้อนๆของบ้านเรา มันก็คงเหมือนคนที่คงอยากได้ยินอะไรที่ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายฟังและรู้สึกดี ไก่มีพื้นที่วิ่งเล่น กินอาหารที่มีประโยชน์ มีเพลงฟัง จะทำให้ไก่มีสุขภาพที่ดี ไก่ก็จะอารมณ์ดี เมื่อออกไข่ ก็จะได้ไข่ไก่ที่ดีและมีคุณภาพ
โดยน้องสาว กล่าวต่ออีกว่า ไข่ไก่ที่ตนเองเลี้ยง ตนเองไม่เคยต้องไปบอกว่าไข่ของตนเองดียังไง ไม่เหมือนที่อื่นยังไง แต่คนที่ซื้อไข่ไปจะเป็นคนที่มาบอกเราเองว่าไข่ที่เราเลี้ยงมันดียังไง มันทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานต่อไป ถึงแม้คนที่ซื้อไปจะไม่ได้มาเห็นถึงกระบวนการในการเลี้ยง แต่มันเห็นได้จากไข่ไก่ที่ออกมาแล้วมีคุณภาพ อย่างร้านทำขนมเค้กที่สั่งไข่เป็นประจำจะบอกเลยว่าไข่ของเรา ไข่แดงจะกลมนูน และไข่ขาวจะเป็นวุ้นกลมๆแน่นๆ เมื่อเอาไปทำขนมเค้กจะมีความฟู และไม่มีกลิ่นคาวของไข่ จากสิ่งต่างๆที่ออกมามันทำให้เรามีความภูมิใจ ที่คนที่ซื้อไข่ที่เราเลี้ยงไปได้ไข่ไก่ที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ มันทำให้ตนเองมีกำลังใจที่จะทำต่อและขยายฟาร์มไก่แห่งนี้และปรับปรุงทุกๆอย่างให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ
จากวันนั้นที่จบมาและเลือกที่จะทำอะไรที่เป็นของตนเองโดยเริ่มจากสิ่งที่มีอยู่ที่บ้านโดยปรับปรุงให้ดีขึ้น ขยายให้มากขึ้น จนทำให้เห็นว่า เด็กพืชสวนที่คิดว่าเจ๋งในวันนั้นก็มีเลี้ยงไก่ได้เจ๋งในวันนี้ โดยรายได้ในแต่ละเดือนหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือประมาณสองหมื่นบาท โดยที่ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร และพิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นลูกจ้างใครก็เลี้ยงตัวเองได้