จากกรณีปางช้างแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งพร้อมกับมาตรการคุมเข้มต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้่อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ จุดลงทะเบียน และสแกนคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันไทยชนะ เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในปางช้างแม่สา รอบละไม่เกิน 200 คน และที่สำคัญปางช้างแม่สาได้ตัดสินใจครั้งสำคัญโดยการ "ปลดโซ่" คืนอิสระภาพให้ช้าง ไม่มีการแสดงช้าง ไม่มีการล่ามโซ่ช้าง ไม่มีการนั่งแหย่งช้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ปางช้างแม่สาที่ทำมาตลอด โดยจะเปลี่ยนโฉมการท่องเที่ยวปางช้างแม่สาในมิติใหม่ ในรูปแบบ "New Normal" ที่มาพร้อมกับความเชื่อ ความขลัง ของการ "ปลดโซ่" ที่ล่ามช้างมาตลอด 44 ปี ของปางช้างแม่สา โดยมีนักท่องเที่ยวนำทองคำเปลวมาปิดโซ่ด้วยความเชื่อเพื่อขอโชคลาภกันอย่างต่อเนื่อง

โดย นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ปางช้างแม่สา กล่าวถึงการตัดสินใจปลดโซ่ช้างว่า "ที่มาที่ไปคือคำว่าอิสระภาพ ความเป็นปางช้างแม่สาถือเป็นแม่แบบ ณ ตอนนี้เราปรับเปลี่ยนในรูปแบบ New Normal เมื่อก่อน ช.ช้าง ต้องคู่กับ ซ.โซ่ แต่เพื่อให้ช้างมีความสุข มีอิสระภาพ เราเห็นแก่ช้าง เราจึงยกเลิกการแสดงช้าง ไม่มีการล่ามโซ่ช้าง ไม่มีการนั่งแหย่งช้าง อีกต่อไป"

"หากพูดถึงโซ่ตรวน คนที่ติดคุกเค้ายังรู้ว่าเค้ามีเวลาที่จะได้รับอิสระภาพ แต่ช้างไม่รู้ว่าเค้าจะมีอิสระภาพไหม หากเปรียบเทียบถ้าเป็นนักโทษก็รู้ตัวเองว่ามีความผิด แต่ช้างมีความผิดอะไรที่จะต้องสิ้นอิสระภาพ นักโทษยังมีวันพ้นโทษ แล้วช้างมีสิทธิไหมที่จะมีอิสระภาพ ในอีกแง่มุมโซ่ตรวนมีความขลัง มีวัฒนธรรมความเชื่อ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีความเชื่ออย่างไร เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวหลายคนสนใจ" นางอัญชลี กล่าว