จากกรณีที่ น.ส.จิน อายุ  33 ปี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ลูกสาวของตนเป็น น.ร.ชั้น ม.3 ร.ร. แห่งหนึ่งในเขต อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้ถูกครูชายฝ่ายปกครองใช้มีดกรรไกรแหกเส้นผมของลูกสาวหน้าเสาธงจนแหว่งไม่เป็นทรงผม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 63 หน้าเสาธงของ ร.ร. ต่อมาได้มีหลายฝ่ายออกมาหาทางช่วยเหลือเพื่อยุติปัญหาของเรื่องนี้  และต่อมามีข่าวว่า แม่ยอมแพ้จะให้ลูกสาวลาออกจาก ร.ร.อ้างว่า เกรงลูกสาวจะไม่ปลอดภัย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

 

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 8 ก.ค. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่หาดบ้านแก้ง ต.กุดเมืองฮาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายอาหารในแพริมฝั่งแม่น้ำมูล  ปรากฏว่า  หลังจากที่เป็นข่าวแพร่กระจายไปทั่วประเทศเกี่ยวกับเรื่องการแหกเส้นผมของเด็ก น.ร.ม.3 นี้  น.ส.จิน  (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี กับนายเก่ง  (นามสมมุติ)อายุ 35 ปี  และ น้องออง (นามสมมุติ) อายุ  15 ปี  แม่และพ่อกับลูกสาวได้พากันนั่งหารือกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจาก หลังจากที่มีข่าวแพร่กระจายออกไปแล้ว ได้ส่งผลกระทบต่อน้องออง ซึ่งเป็นลูกสาวของตนเองเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อโซเชี่ยลที่โจมตีน้องอองกับแม่อย่างหนัก  แต่ขณะที่หลายภาคส่วนก็ได้มีการติดต่อเข้ามาเพื่อจะเข้ามาช่วยเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้  ส่วนน้องออง ไม่ได้ไป ร.ร.ในวันนี้  เนื่องจากว่า เป็นการหยุดเรียนเพื่อให้เพื่อน น.ร.ที่มีเลขประจำตัวเป็นเลขคู่ ได้ไปเรียนหนังสือที่ ร.ร.  โดยน้องออง เลขประจำตัว น.ร.เป็นเลขคี่ ต้องเรียนทางออนไลน์อยู่ที่บ้าน โดยในวันนี้ (8 ก.ค.63) เวลา 11.00 น. ดร.ชูชาติ  แก้วนอก  ผอ.สพม.28 และคณะครูจาก ร.ร.จะมาพบกับพ่อแม่ของน้องออง เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการยุติเรื่องนี้ร่วมกัน

 

 

น.ส.จิน  (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี แม่ของน้องออง  กล่าวว่า  ตามที่มีข่าวออกไปว่า ตนขอยอมแพ้เรื่องนี้  และจะนำลูกสาวไปลาออกจาก ร.ร.นั้น  ตนได้รับทราบข่าวนี้แล้ว  ตนขอยืนยันว่า  ตนไม่ได้มีความคิดที่จะนำลูกไปลาออกจาก ร.ร.แต่อย่างใด  เพราะว่าลูกสาวของตนเรียนหนังสือมาจนจะจบ ม.3 แล้วจะให้ลาออกจาก ร.ร.เพื่อให้ลูกหยุดเรียนมาอยู่บ้านเฉย ๆ ได้ยังไง  ตนคงไม่หยุดอนาคตลูกสาวของตนเองเพราะเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และตนไม่เคยพูดว่า จะให้ลูกสาวของตนลาออกจาก ร.ร.แต่อย่างใด ตนจะต้องรอผลการหารือกันเพื่อยุติเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด เพราะว่ากระทบกับลูกสาวของตนมาก  หากการหาข้อยุติไม่ได้ผลตนก็จะขออนุญาต ผอ.ร.ร.เพื่อขอย้ายลูกสาวของตนไปเรียนหนังสือที่ ร.ร.อื่น ซึ่งได้ติดต่อกับ ร.ร.อื่นไว้แล้ว  ตนจะส่งเสียให้ลูกสาวเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่กำลังความสามารถของตนและครอบครัวจะทำได้ นักข่าวที่มาทำข่าวนี้ควรที่จะมี จรรยาบรรณในการที่จะนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงออกไปด้วย  ไม่ควรที่จะมาเสี้ยมตนกับทาง ร.ร.ให้ทะเลาะกันจนทำให้มีเรื่องราวใหญ่โตออกไปอีก เพียงหวังเพื่อที่จะทำข่าวให้ตนและครอบครัวกับทาง ร.ร.วุ่นวายกันไปมากกว่านี้  แค่นี้ตนกับครอบครัวก็ได้รับผลกระทบหนักมากพอแล้ว