หน.เพาะชำกล้าไม้ฯ ยอมถอนแจ้งความ 3 ชาวบ้านเก็บเห็ดแล้ว อ้างไม่มีทรัพย์สินเสียหาย
9 ก.ค. 2563, 20:10
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 9 ก.ค.63 ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 9 ก.ค.63 นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.ธีระศักดิ์ แก้วคำ พงส.สภ.เมืองศรีสะเกษ และแจ้งว่า ไม่ติดใจที่จะประสงค์ดำเนินคดีกับ นางปราณี โยแก้ว อายุ 63 ปี นางบุญมี อิทธิเดช อายุ 59 ปี และนางทัศศอร โยแก้ว อายุ 36 ปี ชาวบ้านบัวระรมย์ ต.ตองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ อีกต่อไป เนื่องจากบุคคลทั้ง 3 คนได้เข้าไปภายในสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ โดยไม่ได้ขออนุญาตเท่านั้น และไม่มีทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่าใด ๆ ของทางราชการได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งนายประธาน ได้พิจารณาโดยละเอียดแล้วถี่ถ้วนแล้วเห็นว่า บุคคลทั้ง 3 คนไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกเข้ามาในสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษแต่อย่างใด และเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน นายประธานจึงได้มาขอถอนเรื่องแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งเอาไว้แล้ว ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สภ.เมืองศรีสะเกษ ข้อที่ 21 ลงวันที่ 09 ก.ค.2563 เวลา 14.00 น.
ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า คดีนี้จากการสอบสวนแม้ นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ ผู้กล่าวหาที่ 2 มอบอำนาจให้ น.ส.ฐรัชญ์ เนียมคำ ผู้กล่าวหาที่ 1 ร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกในพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษและเข้ามาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อมาผู้กล่าวหาที่ 2 ได้มาถอนคำร้องทุกข์ไปจากพนักงานสอบสวน ก็ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป เนื่องจากเป็นการกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) แต่จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในภาวะปัจจุบันอยู่ในภาวะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการผ่อนปรนระยะ 5 ประกอบกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ประกอบอาชีพเกษตรกรและรับจ้างทั่วไป หาเช้ากินค่ำ ทำให้เพิ่มความยากลำบากในการประกอบอาชีพ ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้พากันไปเก็บเห็ดในป่าบ้านหนองม่วง-หนองสวง ตำบลหนองครก อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ และได้เก็บเห็ด(เห็ดขม)ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติมาได้เพียงเล็กน้อย ทำให้ยังไม่เพียงพอในการประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัว ขณะเกิดเหตุระหว่างเดินทางกลับจึงได้พากันแวะเข้าไปในสถานีเพาะกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ที่เกิดเหตุ ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นป่าเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ มีต้นไม้นานาพันธุ์ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ต้องหา 3 คนเข้าใจว่าน่าจะมีเห็ดขึ้นอยู่ จึงได้เข้าไปในป่าเพื่อเก็บเห็ดเพิ่มเติม แต่ยังไม่ทันได้เก็บเห็ดก็มาพบกับผู้กล่าวหาที่ 2 ซึ่งผู้กล่าวหาที่ 2 ได้สอบถามผู้ต้องหาทั้งสามถึงสาเหตุที่เข้ามาในที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหาทั้งสามยอมรับว่าไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาจริง ผู้กล่าวหาที่ 2 จึงยืนยันที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสาม กรณีเข้ามาบุกรุกเข้ามาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ร่วมกันไกล่เกลี่ยแล้วแต่ไม่เป็นผล ผู้กล่าวหาที่ 2 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้กล่าวหาที่ 1 มาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสาม พิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุแล้วพบว่า ไม่มีการกร่น สร้างหรือเผา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน และไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจากการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสาม อีกทั้งสิ่งของที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาทั้งสามมีเพียงตะกร้าไม้จักสานคนละ 1 ใบ ภายในมีเห็ด(เห็ดขม)ซึ่งนำมาจากที่อื่นเพียงเล็กน้อย และเสียมขนาดเล็กคนละ 1 เล่ม อันเป็นอุปกรณ์เครื่องมือในการประกอบอาชีพในฐานะเกษตรกรเท่านั้น และผู้ต้องหาทั้งสามก็มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอน้ำเกลี้ยง ซึ่งอยู่นอกพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ อาจจะไม่ชำนาญเส้นทางและไม่ทราบว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ราชการ เนื่องจากมีสภาพเป็นผืนป่าจำนวน 100 ไร่ แม้ข้อเท็จจริงจะครบองค์ประกอบภายนอก แต่พิจารณาจากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้นเห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 มิได้มีเจตนาอันเป็นองค์ประกอบภายใน อันจะเป็นการกระทำผิดร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดดังกล่าว ทางคดีจึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 2 และ 3 ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)