วันที่ 22 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ นำเอกสารหลักฐานในคดี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เบิกถอนงบประมาณของทางราชการจำนวน 39.2 ล้านบาท ไปใช้ส่วนตัวโดยมีการโอนเงินต่อไปหลายทอด มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน นำไปยื่นขออำนาจศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกหมายจับเพิ่มผู้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

โดยศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้อนุมัติหมายจับ นางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 56 ปี แม่ของ น.ส.ขนิษฐา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับเดินทางไปยังบ้านพักเพื่อควบคุมตัวนางสายพิณ ส่วนหัวหน้าการเงิน สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 ลูกจ้างชั่วคราวสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินงบประมาณจังหวัดประจวบฯ และเรื่องแดงขึ้นจึงมีการตรวจสอบพบว่ามีเงินที่ออกไปจากระบบจำนวน 33 ล้านบาท ต่อมา นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มอบอำนาจให้ นางกัลยารัตน์ นิลอ่อน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าพบ ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ ดวงกันยา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ เอาผิดพนักงานวิชาการการเงินและบัญชี ที่สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์