"แม่ทัพภาคที่ 1" พร้อมคณะร่วมกิจกรรมปลูกหญ้าแฝก ป้องกันพื้นดินถล่ม รอบอ่างเก็บน้ำกองพลทหารราบที่ 9
25 ก.ค. 2563, 13:47
วันที่ 25 ก.ค. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์กาญจนบุรี ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี พลโทธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพน้อยที่ 1 พร้อมด้วยคณะ เดินทางลงพื้นที่เพื่อ ร่วมกิจกรรมปลูกหญ้าแฝก ปลูกต้นไม้บริเวณรอบอ่าง และปล่อยพันธุ์ปลาลงในอ่างเก็บน้ำ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาส ครบ 68 พรรษา โดยมี พลตรีฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 พร้อมกำลังพล ตลอดจนผู้นำท้องถิ่น คณะครู และนักเรียน ให้การต้อนรับร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้
สำหรับโครงการปลูกหญ้าแฝกนี้ เป็นการสนองตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เคยให้แนวทางไว้เพื่อเป็นการป้องกันหน้าดิน ซึ่งรากของหญ้าแฝกจะช่วยป้องกันดินพังทลายได้ดี ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 จึงได้ให้ทางกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อไว้ในตลอดทั้งปีบนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาส ครบ 68 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2563 นี้
สำหรับการปลูกหญ้าแฝกอย่างถูกวิธีได้ผลดีนั้น จะแก้ปัญหาการชะล้างและพังทลายของดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรโครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 และทรงพบว่าการทดลองปลูกหญ้าแฝกในที่ลาดเอียงให้ผลน่าพอใจ รากหญ้าแฝกยาวถึง 3 เมตรในเวลา 8 เดือน และระบบรากแผ่กระจายในดินตลอดความลึก 3 เมตร และความกว้าง 50 เซนติเมตร ภายใต้อีกตัวอย่างหนึ่งของพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับหญ้าแฝกซึ่งได้พระราชทาน แก่เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2536 มีใจความว่า
" การปลูกหญ้าแฝก ถ้าปลูกกอเล็ก ควรปลูกให้ใกล้และ ชิดกัน จะได้ผลเร็วกว่าและสิ้นเปลืองน้อยกว่าการปลูกกอใหญ่ และมีระยะห่างกัน และควรปลูกตามความห่างของแถวในแนวลาดเทประมาณเท่าความสูงของคน คือ 1.50 เมตร และทำแถวให้ขนานกับทางลาดเทด้วย …."
ในโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มตามแนวพระราชดำริที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับหญ้าแฝกไว้ ซึ่งมีใจความสรุปได้เป็น 2 ประการ คือ (2 ) ควรปลูกหญ้าแฝกล้อมรอบไม้ผล เพื่อป้องกันไม่ให้ดินรอบๆ ต้นไม้เป็นหลุม ในขณะเดียวกันก็ใช้ใบหญ้าแฝกที่ตัดออกจากกอมาคลุมดินรอบๆ ต้นไม้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ต้นไม้ ได้อีกด้วย และ ( 2 ) การปลูกหญ้าแฝกในแปลงเพาะปลูกพืชสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ปลูกโดยรอบแปลงปลูก ในแปลงๆ ละ 1 หรือ 2 แถว และปลูกตามร่องสลับกับพืชไร่ เป็นต้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริ ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทั้ง 6 แห่ง ทดลองปลูกหญ้าแฝกสายพันธุ์ต่างๆ ด้วย ซึ่งผลการทดลองดังกล่าวที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง คือ เมื่อปลูกหญ้าแฝกระหว่างแถวของข้าวโพดและถั่วลิสง ในพื้นที่ที่มีความลาดเท 5% มีการสูญเสียหน้าดินเพียง 0.92 - 2.27 ตันต่อไร่ต่อปี ในขณะที่พื้นที่ลาดเทเท่ากัน แต่ไม่มีการปลูกหญ้าแฝก มีการสูญเสียหน้าดิน 5.27 ตันต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้ พื้นที่ที่ปลูกหญ้าแฝกยังรักษาความชุ่มชื้นของดินได้มากกว่าอีกด้วย หญ้าแฝกที่เจริญเติบโตได้ดีในดินประเภทต่างๆ ได้แก่ สายพันธุ์กำแพงเพชร 1 และ 6 , สงขลา 3 , นครสวรรค์ , ร้อยเอ็ด , และราชบุรี สำหรับดินทราย สายพันธุ์ศรีลังกา กำแพงเพชร 2 , สุราษฎร์ธานี , สงขลา 3 และเลย สำหรับดินลูกรัง กับสายพันธุ์ สุราษฎร์ธานี , สงขลา 3 เลย และนครสวรรค์
สำหรับดินร่วนและดินเหนียวการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรบนที่ดอนหรือที่สูง จะใช้ในการเพาะปลูกพืชไร่และไม้ผล เป็นหลัก แต่พื้นที่เหล่านี้มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีระบบการชลประทาน พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูก จึงเป็นพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำฝน ปัจจุบันแม้ว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยที่ตกในแต่ละปีจะมีปริมาณเท่าๆ หรือใกล้เคียงกัน แต่เกษตรกรก็มักประสบปัญหาภัยแล้ง หรือภาวะพืชที่เพาะปลูกขาดแคลนน้ำเป็นประจำ ก่อความเสียหายแก่เกษตรกรและเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก การแก้ไขปัญหาภาวะพืชขาดแคลนน้ำ ในพื้นที่เกษตรน้ำฝน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการในการเก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้ในดินให้ได้อย่างยาวนาน แต่เท่าที่ผ่านมาตราบจนปัจจุบัน เกษตรกรส่วนใหญ่ในเขตพื้นที่เกษตรยังคงใช้น้ำฝนเพาะปลูกติดต่อกันมา โดยมิได้มีมาตรการใดในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดินเลย ดังจะเห็นได้จากการที่ฝนตกลงมาก็ปล่อยให้น้ำฝนเป็นจำนวนมากไหลบ่าออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ซึ่งนอกจากจะเป็นการสูญเสียน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว น้ำฝนที่ไหลบ่ายังจะกัดเซาะและพัดพาหน้าดินซึ่งมีปุ๋ยและธาตุอาหารพืชที่สำคัญ ให้สูญเสียไปอีกด้วย
มาตรการในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นไว้ในดินให้ได้อย่างยาวนาน ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายๆ และมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การปลูกหญ้าแฝกแถวเดียวเป็นแนวรั้วตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่ โดยแนวรั้วหญ้าแฝกดังกล่าวจะทำหน้าที่ลดแรงปะทะของน้ำฝนที่ไหลบ่า ทำให้น้ำแผ่กระจายและไหลซึมผ่านแนวรั้วหญ้าแฝก ซึ่งจะทำให้น้ำมีโอกาสไหลซึมลงเก็บกักรักษาไว้ในดินได้ทั่วพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ดินมีความชุ่มชื้น เป็นประโยชน์ต่อพืชหลักที่ปลูกไว้ต่อไป นอกจากมีลักษณะพิเศษของหญ้าแฝกที่แตกต่างไปจากหญ้าอื่นๆ โดยทั่วไปก็ คือ ระบบรากฝอย ของหญ้าแฝกจะแข็งแรงและหนาแน่น สามารถชอนไชหยั่งลึกลงในดินตามแนวดิ่งได้ถึง 3 เมตร และรากจะไม่เจริญแผ่ขยายออกทางด้านกว้าง จึงไม่แย่งอาหารของพืชหลักที่ปลูกใกล้เคียงกัน หญ้าแฝกมีรากแกนและรากแขนงอวบใหญ่ จึงทำให้เกาะยึดดินและดูดซับน้ำไว้ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เมื่อปลูกหญ้าแฝกตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่แล้ว นอกจากต้นที่เจริญแตกกอ อัดกันแน่นเป็นกำแพง อยู่เหนือดินแล้วรากของหญ้าแฝกก็จะสานกันแน่นเป็นกำแพงอยู่ในดิน ทำหน้าที่เกาะยึดติดและดูดซับเก็บความชื้นไว้ในดินได้เป็นอย่างดีอีกด้วย