จากปัญหาการเกยตื้นของพะยูนทั้งที่รอดชีวิต และตายรายวันในทะเลอันดามัน ตรัง-กระบี่ กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบ  และทำให้ประชาชนโดยทั่วไปที่เริ่มรู้จักพะยูนแห่งท้องทะเลไทยกันมากขึ้น เริ่มวิตกกังวลถึงสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้น  ทั้งการที่ลูกพะยูนพลัดหลงกับแม่ แต่ลูกได้รับการช่วยเหลือจนรอดชีวิตดังเช่น มาเรียม และยามีล  รวมทั้งปัญหาพะยูนตัวใหญ่เกยตื้น หรือมีการตัดเขี้ยวพะยูนเพศผู้ จำนวน 2 ตัว  ตลอดจนมีลูกพะยูนที่ตายลงในท้องทะเลตรัง นับตั้งแต่ต้นปี 2562 จำนวนถึง 8 ตัว  รวมทั้ง 2 ตัวล่าสุด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งเป็นพะยูนเพศผู้ วัย 70 ปี ที่ถูกตัดเขี้ยว และพะยูนน้อย วัย 6 เดือน เพศผู้ ที่เกยตื้นตายเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ที่บริเวณแหลมจุโหย ต.เกาะลิบง อ.กันตัง และขณะนี้ยังต้องผลการผ่าพิสูจน์จากทีมสัตวแพทย์

 

นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง กล่าวว่า  เนื่องจากพื้นที่การรับผิดชอบของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง มีจำนวนถึง 1.2 แสนไร่ ทำให้ยากต่อการดูแลเฝ้าระวังพื้นที่  แต่ล่าสุดทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ได้รับเรือสำหรับใช้ลาดตระเวนการทำงานเฝ้าระวังพะยูนในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งบริเวณแหล่งอนุบาลมาเรียม  เพิ่มจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มาอีก 2 ลำ ประกอบด้วย เรือยาง ขนาด 5.8 เมตร จำนวน1 ลำ และเรือไม้หัวโทง จำนวน 1 ลำ  ทำให้ขณะนี้ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง มีเรือสำหรับการปฏิบัติงานลาดตระเวนเฝ้าระวังพะยูนเกยตื้นในพื้นที่ รวมทั้งบริเวณแหล่งอนุบาลมาเรียม รวม 3 ลำ  โดยเรือ 1 ลำ จะจอดไว้รอเตรียมพร้อมเหตุการณ์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินบริเวณหัวสะพานหลีกภัย ตลอด 24 ชม.