นายกฯ สั่งเข้มงวดเฝ้าระวังชายแดน ป้องลักลอบเข้าเมือง
1 ก.ย. 2563, 15:02
วันที่ 1 ก.ย. 2563 เวลา 12.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศที่ชายแดนติดกับประเทศไทย ซึ่งพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายโรงเรียนในจังหวัดที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ต้องหยุดการเรียนการสอนชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้าสู่นักเรียน อาทิ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรณีพบชาวบ้านที่มีอาการไข้สูง 2 ราย ขณะนี้อยู่ภายใต้ความดูแลของโรงพยาบาลแล้ว
ทั้งนี้ ได้มีการเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวดในพื้นที่ตามแนวชายแดน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงกำชับการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าระวังกรณีกระบวนการลักลอบพาชาวต่างด้าวเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติ เช่น ผู้ที่ว่ายน้ำลักลอบเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งต้องถูกนำเข้าสู่การตรวจคัดกรองโรค พร้อมสั่งการให้ติดตามผู้ที่กระทำผิดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำประชาชนต้องไม่ประมาท แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศมาเป็นเวลาหลายเดือน แต่หากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง ไทยมีความพร้อมทั้งด้านงบประมาณ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการพัฒนาวิจัยวัคซีนที่ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า มุ่งเน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งเสริมให้มีการเดินทางมากขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของธุรกิจสายการบินไม่ให้มีการลดลูกจ้างพนักงาน ซึ่งรัฐบาลจะต้องจัดหางบประมาณเพื่อนำมาผลักดันการจ้างงานเพิ่มขึ้น และส่งเสริมสภาพคล่องของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่มีการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรในการผลิตยาเสพติด ทำให้มีจำนวนยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น ก็ได้จับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการใช้จ่ายงบประมาณ ตามพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2564 ในการพิจารณาโครงการต่าง ๆ ว่าจะนำงบประมาณไปใช้ในส่วนใดบ้าง ตามความเหมาะสมและความจำเป็น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยืนยันว่าการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพเรือนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในสถานการณ์ระหว่างประเทศและในภูมิภาคขณะนี้ รวมทั้งยังเป็นการดูแลและปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศด้วย