สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะบางประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงถึงหลักล้านคน อย่างล่าสุดข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกลางของอินเดีย ที่เผยแพร่วันนี้ (8ก.ย.63) รายงานว่า อินเดียมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ถึง 75,809 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้อินเดียมีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 4,280,422 ราย

สำหรับสาเหตุหลักที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของอินเดีย ได้เพิ่มสูงอย่างฉับพลันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดจากการปูพรมทดสอบโรคทั่วประเทศ

 

นอกจากนี้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 72,775 ราย หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,133 ราย นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรักษาตัว 883,697 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลอยู่ที่ 3,323,950 ราย

ด้านสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย (ICMR) รายงานว่าอินเดียตรวจโรคแล้วทั้งสิ้น 50,650,128 ครั้ง เมื่อนับถึงวันจันทร์ (7 ก.ย.) โดยวันจันทร์เพียงวันเดียวตรวจโรคไปทั้งสิ้น 1,098,621 ครั้ง และรายงานต่างๆ ระบุว่าขณะนี้ อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ 

เช่นเดียวกับสื่อโดยเดอะ ไทมส์ ออฟ อินเดีย (The Times of India) ระบุว่าอินเดียได้กลายเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดใหญ่ของโลก หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (6 ก.ย.) ที่จำนวนผู้ป่วยของอินเดียมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 40 ของผู้ป่วยทั่วโลก รวมไปถึงยอดผู้ป่วยติดเชื้อเมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ (5 และ 6 ก.ย.) นั้นสูงกว่ายอดเดียวกันที่มีการรายงานในสหรัฐฯ และบราซิลรวมกัน

อย่างไรก็ตาม อินเดียอยู่ระหว่างการผ่อนปรนมาตรการปิดประเทศระยะ 4 (Unlock 4) ทำให้บริการรถไฟ (Metro Rail) ของหลายเมือง อาทิ เดลี เจนไน เบงกาลูรู เริ่มทยอยกลับมาให้บริการในวันจันทร์ (7 ก.ย.) หลังจากระงับบริการชั่วคราวมานานกว่า 5 เดือน แต่โรงเรียนและสถานศึกษาอื่นๆ จะยังคงปิดทำการต่อไป