สหกรณ์ 2 อำเภอจันทบุรี เตรียมขอนายกฯ ช่วยเรื่องแรงงานเก็บลำไย ย้ำช้าถึงสิ้นเดือน เสียหายอื้อ!
18 ก.ย. 2563, 14:55
กรณี จ.จันทบุรี เตรียมนำร่องเป็นจังหวัดแรกนำแรงงานจากกัมพูชาชุดแรก 500 คนเข้ามาเก็บลำไยใน อ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ในวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าทางรัฐบาลกัมพูชาขอเลื่อนออกไป เพราะต้องการเจรจากกับรัฐบาลไทยก่อนให้แรงงานชาวกัมพูชาเข้าไทย โดยเหตุผลว่า กระทรวงมหาดไทยของไทยเคยร้องขอให้กัมพูชา ช่วยกันป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด 19 กับไทย ด้วยการยังไม่ให้ชาวกัมพูชาเข้าประเทศไทยในช่วงเวลานี้ เรื่องดังกล่าว ได้กลายเป็นที่มาที่กัมพูชาจะพูดคุยกับไทยว่า หากให้แรงงานชุดแรกเข้าไทย จะเป็นการดำเนินผิดไปจากไทยเคยร้องขอกัมพูชาหรือไม่ อย่างไร
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 ก.ย.63 ที่หอประชุมสหกรณ์โคนมสอยดาว จำกัด อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ชาวสวนลำไยใน อ.สอยดาว จำนวนหลายสิบคนได้หารือกับนายวินนา ศรีสงคราม ประธานชุมนุมสหกรณ์ภาคตะวันออกและอิสานใต้ ร้องขอนายวินนาให้ช่วยประสานทุกฝ่าย หาทางเร่งช่วยเหลือชาวสวนลำไย เนื่องจากไม่สามารถรอการเก็บผลผลิตนานเกินกว่าสิ้นเดือน ก.ย. 63 นี้ได้ หากล่าช้ากว่านี้ผลผลิตจะเสียหาย หลายสวนลำไยออกผลเต็มที่แล้ว พร้อมเก็บผลทันที แต่ยังขาดแรงงานจากกัมพูชาเข้ามา หากเวลาเกินเลยไปจากสิ้นเดือน ก.ย. ความเสียของผลลำไยจะเน่าเสีย ชาวสวนจะขาดทุน ไม่มีรายได้ไปใช้หนี้ล้ง ใช้หนี้สหกรณ์ต่างๆ และธนาคารที่ไปกู้ยืมเงินมาลงทุน ถึงขั้นจะถูกยึดสวน ยึดที่ทำกินกันในที่สุด ซึ่งนายวินนา รับปากว่าจะพยายามหาทางช่วยเท่าที่จะมีความสามารถทำได้
นายวินนา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทุกฝ่าย ทั้งรักษาการ ผวจ.จันทบุรี , ด็อกเตอร์รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย กัมพูชา , สมาคมชาวสวนลำไย จ.จันทบุรี หรือแม้แต่สหกรณ์ทุกสหกรณ์ในพื้นที่ อ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน ต่างพยายามทำทุกทางให้แรงงานกัมพูชาสามารถเข้ามาเก็บลำไยได้ จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเร่งประสานกับรัฐบาลกัมพูชา พูดคุยกันให้กัมพูชาอนุญาตแรงงานเข้ามาเก็บลำไยได้ หรือพยายามหาช่องทางในการทำเรื่องนี้ให้ลุล่วง เพราะประเทศกัมพูชาก็มีกฏหมาย ไทยก็มีกฎหมาย ผู้ใหญ่ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงมหาดไทยของเราน่าจะคุยกับกัมพูชาได้
นายวินนา เปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาหลังจากมีข่าวว่าชาวกัมพูชาชุดแรกจะเข้ามาเก็บลำไยใน อ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน ได้สร้างความสบายใจให้ทั้งล้งและชาวสวนมาก จนกระทั่งล้งได้ออกกว้านรับซื้อลำไย จากที่เคยประกาศว่า ปีนี้ไม่สามารจะซื้อลำไยได้เพราะไม่มีแรงงานเก็บ แต่เมื่อรู้ว่าแรงงานยังไม่สามารถเข้า จ.จันทบุรี ได้ ล่าสุดล้งได้ชะลอการรับซื้อลำไยแล้ว เริ่มกลับมารอดูท่าทีก่อนว่าจะมีแรงงานหรือไม่ หากจากนี้ไป 10 – 20 วันยังไม่มีแรงานเข้ามาได้ ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับชาวสวนนับหมื่นครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่เพียงเท่านั้น ยังจะทำให้ทุกสหกรณ์ใน อ.สอยดาว กับ อ.โป่งน้ำร้อน ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะต่างปล่อยเงินกู้ให้ชาวสวนที่เป็นสมาชิกสหกรณ์นำไปลงทุนปลูกลำไย รวมกันแล้วเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ไม่นับรวมเงินที่ชาวสวนไปกู้ยืมล้ง ธนาคารต่าง ๆ อีกจำนวนมาก ทั้งหมดนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ในเร็ว ๆ นี้ทุกสหกรณ์ใน 2 อำเภอดังกล่าว จะร่วมกันยืนหนังสือไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอความเห็นใจให้ช่วยเหลือชาวสวนลำไย จ.จันทบุรี ต่อไป