"อนุทิน" มั่นใจระบบคัดกรองเชื้อโควิดมีประสิทธิภาพ เล็งเพิ่มมาตรการประเทศต้นทาง
10 พ.ย. 2563, 14:37
วันที่ 10 พ.ย. 2563 เวลา 12.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศมาจากกลุ่ม VIP ว่า ก็ไม่มีอะไร รายงานสถานการณ์ปกติ ไม่ต้องเป็นกังวล เป็นไปตามระบบการคัดกรองการตรวจพบโควิด-19 และทำให้เห็นว่าขั้นตอนต่าง ๆ รวมถึงการรักษาของไทยมีประสิทธิภาพ และเป็นสิ่งที่เราคาดการณ์อยู่แล้วและจะต้องเพิ่มความเข้มข้นของการตรวจเชื้อ การที่ตรวจเจอแสดงว่าระบบมันทำงานดี
การลดจำนวนวันกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 10 วันเป็นไปได้หรือไม่ ?
นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องเน้นต้นทางมากกว่า โดยได้หารือกับทางเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า เราต้องหันไปดูต้นทางว่าต้องมีการตรวจสอบทั้งต้นทาง และตรวจเมื่อเดินทางเมื่อมาถึง รวมทั้งตรวจระหว่างการกักตัว และถ้าตรวจหมดแล้วแล้วทำไมมาเจอในประเทศไทย ทุกเที่ยวบิน ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเพราะเราเป็นประเทศปลายทาง ดังนั้นเราจึงต้องย้ำไปที่สายการบินและต้นทาง โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูตต้นทางของไทยที่ได้อนุมัติให้สามารถเดินทางเข้ามาภายในประเทศไทยว่า ต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมให้มากนี้หรือไม่ เพราะเราไม่ต้องการให้มีคนติดเชื้อเข้าประเทศ เพราะเมื่อเข้ามาแล้วเราต้องทำการรักษา ก็สิ้นเปลืองงบประมาณ เพราะเมื่อเข้ามาแล้วเราต้องทำการรักษา เขาไปไหนมาไหนไม่ได้ ผลักดันกลับไปก็ไม่ได้ ไม่มีสายการบินไหนรับ จึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องย้ำไปทางประเทศต้นทาง ซึ่งเรื่องนี้อย่ามาโทษคนไทยเพราะว่าไม่เกี่ยว เพราะเราเป็นปลายทาง
"ส่วนเรื่องการลดจำนวนวันกักตัว อยู่ในกระบวนการพิจารณาของการแพทย์ ซึ่งทางการแพทย์เห็นว่า 10 วัน กับ 14 วันไม่ได้มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้เรารับฟังเพราะแคร์ความรู้สึกของประชาชน และตอนนี้คงต้องใช้ 14 วันเหมือนเดิม เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความสบายใจ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความกังวลใด ๆ เพียงแต่ไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวล ส่วนจะกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่อย่างไรนั้น เราจะต้องแคร์คนไทย เพราะนักท่องเที่ยวเองก็ไม่ได้อยากมาอยู่ในสถานกักตัวนาน ๆ โดยเฉพาะตอนนี้เราเจอคนติดเชื้อทุกเที่ยวบินที่เข้ามา ดังนั้นเราจะปล่อยให้คนคิดออกไปแพร่เชื้อไม่ได้ความปลอดภัยของประชาชนคนไทยสำคัญที่สุด ตอนนี้ขอให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย อยู่เสมอ" นายอนุทิน กล่าว