รวบตัว ! "ผู้ต้องหา" บุกงัดบ้านประชาชน ย่านรามคำแหง พร้อมของกลางเพียบ
12 พ.ย. 2563, 11:42
วันนี้ ( 10 พ.ย.63) เวลาประมาณ 04.00 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.กก.สส.บก.4. นำกำลังจับกุมตัว นายพีรพงษ์ หรือพี แซ่เซียว อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชน พร้อมของกลางป้ายทะเบียนรถ 6 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กรอบพระ นาฬิกา เงินสกุลต่างประเทศ คีมตัดเหล็ก หมวกแก็ปสีดำ ถุงมือยาง และอุปกรณ์งัดแงะ ได้ที่โรงแรม ซอยศูนย์วิจัย ถ.พระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากวันที่ 26 ต.ค. 63 ตำรวจกก.สส.บก.น.4 ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลักทรัพย์บ้านหลังหนึ่ง ในซอยรามคำแหง 44 แยก 2 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายได้งัดประตูหน้าต่างเข้าไปภายในบ้าน และรื้อค้นเอาทรัพย์สินไปจำนวนหลายรายการ มูลค่าประมาณ 900,000 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ได้ทำการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายพีรพงษ์ หรือพี ซึ่งมีประวัติโชกโชน
กระทั่งล่าสุดคนร้ายรายนี้ยังไปก่อเหตุบ้านพักย่านพหลโยธิน โดยผู้เสียหายกลับมาบ้านพบว่าคนร้ายนำรถยนต์มาจอดในตัวบ้านแล้วกำลังทำการรื้อค้น จากนั้นทางเจ้าของบ้านจึงทำการถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน พร้อมตะโกนสอบถามว่าเข้ามาทำอะไร ทำให้คนร้ายทำทีข่มขู่เหยื่อว่าจะใช้อาวุธทำร้าย ก่อนรีบวิ่งหลบหนีไป
จากนั้นจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติ ศาลอาญา ออกหมายจับ ต่อมาตำรวจสืบทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปกบดานในโรงแรมดังกล่าวจึงนำกำลังไปจับกุมไว้ได้
สอบสวน ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษจำคุกมาไม่นาน แล้วไม่มีงานทำ ประกอบกับมีความชำนาญทางด้านนี้ จึงหวนคืนวงการ ลงมือก่อเหตุอีกครั้ง โดยนำทรัพย์สินที่ได้ไปขาย จากนั้นนำเงินที่ได้ไปเช่ารถยนต์ จำนวน 3 คัน เพื่อสลับผลัดเปลี่ยนไปใช้ก่อเหตุ หนำซ้ำยังนำเงินทีาได้ไปติดต่อขอเลี้ยงสาวไซด์ไลน์ เป็นรายเดือน แล้วเช่าห้องโรงแรมหรู กลางเมือง พักอาศัยอย่างหรูหรา เมื่อเงินหมดก็ออกตระเวนก่อเหตุซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอีดครั้ง เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เคยมีประวัติ เมื่อปี 2550 เคยลงมือร่วมกับพวก ยกเค้าบ้านญาติของ เลขานุการส่วนตัว พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรักฐมนตรี และอีกหลายครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหา“ ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ”ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป