ด่วน ! "เชียงราย" พบผู้ป่วยติดเชื้อ "โควิด-19" เพิ่มอีก 2 ราย
5 ธ.ค. 2563, 15:38
วันที่ 5 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และนายแพทย์สมศักดิ์ อุทัยพิลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ของ จ.เชียงราย ว่าในวันนี้ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 2 รายในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยเป็นหญิงอายุ 25 ปีเท่ากัน
โดยคนแรกมีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูกและจมูกไม่ได้กลิ่น ส่วนอีกคนมีไข้และปวดเมื่อยตามตัว ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนและรวบรวมกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งสูงและต่ำตามขั้นตอน ทำให้มีผู้ติดเชื้อใน จ.เชียงราย รวมกันในขณะนี้จำนวน 11 ราย
สำหรับทั้ง 2 รายล่าสุดพบว่า เกิดจากกรณีมีหญิงที่ทำงานในโรงแรมวันจีวัน จ.ท่าขี้เหล็ก คนหนึ่งได้หลบหนีเข้าทางช่องทางธรรมชาติสู่ อ.แม่สาย แล้วไปพักบ้านแฟน จากนั้นได้มีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันข้ามตามไปพักด้วยอีก 4 คนเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนจากโรงแรมวันจีวัน ข้ามฝั่งโดยใช้ช่องทางธรรมชาติตามมาพักที่บ้าน จำนวน 4 คน (ต่อมาพบว่า 3 คน ตรวจพบเชื้อ รับเข้ารักษาตัวที่ จ.พะเยา 1 ราย และเชียงใหม่ 2 ราย ช่วงค่ำเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย และวันที่ 28 พ.ย.เพื่อนทั้ง 4 คนเดินทางเข้าไปทาง อ.เมืองเชียงราย ก่อนที่ช่วงค่ำจะมีเพื่อนจากโรงแรมวันจีวันเข้ามาพักด้วยอีก 2 คน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน จ.ท่าขี้เหล็ก หญิงสาวคนแรกที่พักกับแฟนจึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย แต่ไม่พบเชื้อจึงได้โทรศัพท์ชวนเพื่อนอีก 2 คนดังกล่าวไปร่วมกันตรวจด้วยซึ่งก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน ดังนั้นช่วงเย็นจึงออกไปซื้อของที่ตลาดและกลับที่พักโดยไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.มีคนในกลุ่มมีไข้จึงโทรแจ้งทางโรงพยาบาลแม่สายเพื่อให้ไปรับ เมื่อโรงพยาบาลแม่สายตรวจก็พบว่าหญิงสาวที่ตามไปพักด้วย 2 คนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงตามหญิงสาวคนที่พักกับแฟนไปตรวจ ปรากฎว่าได้ผลเป็นลบ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำส่งซ้ำเพื่อยืนยันแล้ว
โดยนายวรวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนไทยที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก คาดว่ามีประมาณ 400 คน และล่าสุดในวันนี้ได้แจ้งผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่นขอข้ามมาเพิ่มเติมจำนวน 40 คน ส่วนคนที่ข้ามมาแล้วมีจำนวน 67 คน ทั้งหมดอยู่ใน State local Quarantine สำหรับสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยรายที่ 7 ที่พบเชื้อใน อ.เมืองเชียงราย ทำงานอยู่คือร้าน 8080 ได้ให้ปิด 14 วัน และร้านที่ผู้ป่วยและเพื่อนพากันไปดื่มกินอีก 3 แห่งได้ปิด 7 วันโดยช่วงนี้ได้เข้าสู่กระบวนการฆ่าเชื้อและทำความสะอาด ซึ่งจากการรายต่างๆ พบว่าสามารถควบคุมได้ ดังนั้นหากวันที่ 20 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ไม่พบเพิ่มเติมก็จะเข้าสู่ภาวะปลอดภัยได้
ทางด้าน นายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่ารายที่ 10 และ 11 พบว่าได้ไปตรวจที่คลินิกเอกชนซึ่งใช้วิธีการตรวจหาแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มกัน ซึ่งทางสาธารณสุขไม่แนะนำให้ใช้แล้ว และเมื่อไปตรวจกับราชการซึ่งใช้วิธีการแอนติเจนของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปรากฎว่าพบการติดเชื้อดังกล่าว นอกจากนี้กรณีนี้ทางคลินิกจะต้องแจ้งให้ทางสาธารณสุขได้รับทราบแต่กลับไม่มีการแจ้ง ดังนั้นจึงจะทำความเข้าใจกับคลินิกรายนี้และเร่งประชาสัมพันธ์ทั่วไปให้มีการใช้วิธีการที่ถูกต้องรวมทั้งให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อความมั่นใจ
ทั้งนี้ นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ในการดูแลที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์พบว่าไม่มีอาการเลย 3 ราย และมีอาการ 8 ราย ซึ่งแนวทางการรักษาคือให้ยาต้านไวรัสกับผู้ที่มีอาการเป็นเวลา 5 วัน และดูอาการอีก 10 วัน ปัจจุบันผู้ป่วยรายแรกจะครบกำหนดการรักษาและจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้ออกจากโรงพยาบาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันรถชีวนิรภัยพระราชทานได้ให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชนภายในสิงห์ปาร์ค เชียงราย และที่ว่าการ อ.เมืองเชียงราย นอกจากนี้ประจำอยู่ที่ชายแดนอ.แม่สาย รวมทั้งหมด 3 คัน พบว่ามีประชาชนพากันไปตรวจเป็นจำนวนมาก ซึ่งรถแต่ละคันสามารถรับตรวจได้วันละ 200 ราย นอกจากนี้โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ศรีบุรินทร์ อ.เมือง จ.เชียงราย ยังได้รับตรวจอีกวันละ 200 รายด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 2-4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีผู้ไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วจำนวน2,121 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่กังวลเนื่องจากเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของผู้ติดเชื้อ เช่น เที่ยวงานเทศกาลสถานบันเทิง ฯลฯ ผลล่าสุดพบผลเป็นลบจำนวน 1,474 ราย และรอผลตรวจจำนวน 647 ราย กระนั้นอย่างจ.เชียงราย ยังขอให้รถชีวนิรภัยพระราชทานยังคงประจำอยู่ในพื้นที่ต่อไปอย่างไม่มีกำหนดด้วย