วันนี้ ( 16 ธ.ค. 2563 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า โดย นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งดำเนินการกับกลุ่มขบวนการนำพาแรงงานเข้ามาอย่างเฉียบขาด ขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสให้ทางการได้ทราบ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการกับผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ทันท่วงที ก่อนที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะเข้ามายังพื้นที่ชั้นใน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

ทั้งนี้เนื่องจาก จ.กาญจนบุรี มีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก ตลอดแนวชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเมียนมา ซึ่งมีความยาวหลายร้อยกิโลเมตร ขณะที่ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังพบว่า มีบุคคลต่างด้าวเล็ดลอดมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พยายามดูแลป้องกันและป้องปรามในเรื่องนี้ให้ดีที่สุด

ส่วนเรื่องการนำเข้าและส่งออกสินค้า ก็ได้มีการพูดคุยกันกับทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ประกอบการ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยจะต้องดูควบคู่กันไประหว่างเรื่องของเศรษฐกิจและการควบคุมโรค โดยทางจังหวัดได้ผ่อนผันให้นำเข้าและส่งออกสินค้าทุกวันพุธและพฤหัสบดี ในสัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของเดือน ท่ามกลางมาตรการการคุมเข้มในการขนถ่ายสินค้า เพื่อไม่เสี่ยงต่อการนำเชื้อที่แพร่ระบาดอยู่ในเมียนมาเข้ามาแพร่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ได้ 

จ.กาญจนบุรี เป็นเมืองท่องเที่ยว ดังนั้นการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามา ไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเท่านั้น ยังจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหว ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบมาตลอดรอบปีที่ผ่านมาแล้ว จึงอยากให้ผู้ที่กระทำเช่นนี้ หยุดพฤติกรรมที่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับทุกฝ่ายเสียที เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และไม่สามารถประเมินได้

ดังนั้นหากจับกุมได้จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่ละเว้น และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นเป็นใจ ก็จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดเช่นกัน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว