ปภ.แนะเลี่ยง 4 พฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุในการเดินทาง
25 ธ.ค. 2563, 15:40
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะหลักปฎิบัติขับรถอย่างปลอดภัยพร้อมหลีกเลี่ยง 4 พฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยไม่ขับรถเร็ว เมาไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และง่วงไม่ขับ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเดินทาง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน คาดว่าประชาชนจำนวนมากวางแผนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ถนนหลายสายมีปริมาณการจราจรหนาแน่น หากผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอันตรายในขณะขับรถ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ เพื่อความปลอดภัย ขอแนะข้อควรปฏิบัติเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ดังนี้ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ใช้ความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยปฏิบัติตามป้ายจำกัดความเร็วบนเส้นทางอย่างเคร่งครัด ใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ ปริมาณการจราจร และระยะในการมองเห็นเส้นทาง เมาไม่ขับ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งช่วงก่อนและขณะขับรถ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง หากมีอาการเมา ห้ามขับรถโดยเด็ดขาด หรือให้เพื่อนที่ไม่ดื่มขับรถแทน จอดรถพักในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนสร่างเมาค่อยขับรถไปต่อ โทรไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ทำให้เหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียวและต้องละสายตาเส้นทาง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ อาทิ แฮนด์ฟรี บลูทูธ หรือจอดรถคุยในบริเวณที่ปลอดภัย ตั้งข้อมูลจุดหมายการเดินทางของระบบนำทางอัจฉริยะ (GPS) ก่อนออกรถ ง่วงไม่ขับ ไม่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลานานหยุดพักรถทุก 2 ชั่วโมง ในบริเวณที่ปลอดภัย เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ หรือพักหลับ 10 – 15 นาที รวมถึงไม่ฝืนขับรถเมื่อมีอาการง่วงนอน ควรจอดรถพักในเวณที่ปลอดภัย จะช่วยป้องกันการหลับใน นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามกฎจราจรและป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด เพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านเส้นทางเสี่ยงอุบัติเหตุ ใช้อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ท้ายนี้ หากประชาชนประสบพบเหตุอุบัติภัยหรือต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งสายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ที่มา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM, js100radio