แม่ค้ากุ้งใจเด็ด ฮึดสู้โจรขโมยเงิน วิ่งไล่จับแต่สู้แรงไม่ไหวหนีไปได้
4 ม.ค. 2564, 17:50
กล้องวงจรปิดสามารถบันทึก เหตุการณ์ไว้ได้ วันนี้ 4 มกราคม 2564 เวลา 11.00 น.ขณะที่มีคนร้าย เป็นชาย อายุประมาณ 20 – 25 ปี ลักษณะการแต่งกายสวมเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีเทา กางเกงยีนส์ขาสั้นรองเท้าแตะใส่แมสปิดบังใบหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์ Honda Wave สีแดงดำ ล้อทองไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดบริเวณหน้าร้านสถานีกุ้ง ( ตลาดกุ้งราช คนสุวรรณภูมิ ) เลขที่ 60/130หมู่ 3 ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพของชายคนร้ายได้ลักษณะเดินวนอยู่ภายในร้านจากนั้นมานั่งบริเวณเก้าอี้ แล้วพอสบโอกาสเห็นกระเป๋าสตางค์ จึงใช้ช่วงจังหวะที่เจ้าของร้านเผลอรูดซิปกระเป๋าสตางค์ฉกเงินที่อยู่ภายในกระเป๋าออกมากำไว้ที่มือจากนั้น จะเห็นภาพวินาที ที่เจ้าของร้านออกมาทันทีแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์เอาไปเก็บไว้ ซึ่งเป็นจังหวะนั้นที่คนร้ายน่าจะรู้ตัวว่าเจ้าของร้านรู้แล้วว่าถูกขโมยเงินจึงพยายามลุกออกจากเก้าอี้และก็จะเห็นภาพวินาทีที่เจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้หญิงวิ่งไล่ตามออกไปทันบริเวณหน้าร้านและจะเห็นได้ว่ามีการ ยื้อยุดชุดกระชากกันบริเวณหน้าร้านจนรถของคนร้ายล้มแต่ก็ไม่สามารถยื้อแรงคนร้ายได้จึงก่อนคนร้ายจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีออกไป
ช่วงบ่ายวันนี้ 4 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังร้านที่เกิดเหตุ พบกับนางสาวศศิธร แสนสุข อายุ 38 ปีอยู่บ้านเลขที่ 3/9 หมู่ 5 ตำบลพระแก้ว อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าของร้าน เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าเหตุดังกล่าวเกิดช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ตนเองและแม่ครัวอยู่กันสองคน ซึ่งขณะเกิดเหตุมีลูกค้ามาสั่งยำหอยแครง 3 ถุง ตนเองจึงให้เข้ามานั่งรอภายในร้านแต่จังหวะนั้นชายคนร้ายได้ขอล้างมือ ซึ่งตนเองก็สังเกต ดูอยู่ว่าชายคนร้ายมีลักษณะมีพิรุธเนื่องจากตอนมาขอล้างมือมีการมองไปรอบๆลักษณะเหมือนจะดูว่ามีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งที่ บริเวณเก้าอี้ จังหวะนั้นตนเองนึกได้ว่าวางกระเป๋าสตางค์ไว้บนเก้าอี้ จึงรีบเดินออกมาหยิบ ตอนที่มาหยิบกระเป๋าสตางค์ตนเองก็คิดไว้ในใจว่าอาจจะถูกขโมยเงินที่อยู่ในกระเป๋าแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะกระโตกกระตากเพราะว่าตนเองกลัวว่าคนร้ายจะมีอาวุธเนื่องจากอยู่กันสองคนแล้วมีแต่ผู้หญิงแต่เป็นจังหวะเดียวกันที่คนร้ายขอตัวออกไปขยับรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านตนจึงแน่ใจว่าถูกขโมยเงินแม่จึงตะโกนบอกคนร้ายว่าให้หยุดไม่ให้ลุกไปไหน แต่คนร้ายกลับรีบเดินหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ตนจึงรีบวิ่งตามไปที่หน้าร้าน จากนึกในใจว่าคนร้ายต้องขโมยเงินไปหมดกระเป๋าเพราะ ตอนนั้นตนเองยังไม่ได้เปิดกระเป๋าดูว่ามีเงินหายไปเท่าไหร่แต่คิดว่าต้องหมดตัวแน่จึงพยายามวิ่งตามไปที่รถ เพื่อพยามถีบรถจักรยานยนต์ของคนร้ายให้ล้มและก็ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่พักหนึ่งจนตนเองล้มไปกับพื้นถนน แต่ก็สู้แรงคนร้ายไม่ไหวทำให้คนร้ายสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์หลบหนีไปได้ โดยทำหมวกกันน็อคที่อยู่บริเวณตะกร้าหน้ารถหล่นไว้ พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง และกระจกมองข้างหักหล่นไว้ที่ถนน
ส่วนตนเองก็ล้มลากไปกับพื้นจนได้รับบาดแผลบาดแผลถลอกที่บริเวณหัวเข่า เมื่อมาตรวจดูกระเป๋าสตางค์พบว่าถูกคนร้ายขโมยเงินไปซึ่งเป็นแบงค์ 20 และแบงค์ 100 ไปได้ประมาณ 5,000 บาท
เหตุการณ์ดังกล่าวตนเองได้นำหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด พร้อมของกลางที่คนร้ายทำตกไว้ในที่เกิดเหตุ เข้าแจ้งความบันทึกประจำวันไว้กับ พ.ต.ท.จักรพันธ์ ธูปะเตมีย์ สว.สอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา แล้วเพื่อให้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วต่อไป