จากการที่ชาวบ้านตำบลแก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี ได้ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองกาญจนบุรี และ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ว่า ขอให้ตรวจสอบเรื่องเอกสารการครอบครองที่ดินและการขุดดินในพื้นที่โรงงานของบริษัท ทีเอสเอ็มไบโอเอนเนอร์ยี จำกัด พื้นที่ หมู่ 5 ต. แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งกิ่นเหม็นที่เกิดจากการนำน้ำเสียมาใส่ในพื้นที่โรงงานดังกล่าว ดังนั้น เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 ก.ค. 62 นายวิฑูรย์ สิรินุกุล นานอำเภอเมืองกาญจนบุรี จึงสั่งการให้ นายวีระ หิรัญกุล ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อม นายศรนรินทร์  ทินบุตร ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี และ กำลัง อส.เมืองกาญจนบุรี ลงพื้นที่  ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย นายสมชาย ฟักทอง นายก อบต.แก่งเสี้ยน นายสราวุธ พรทิพย์ หน.กลุ่มงานโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี นายนพชัย ส่งเสียง นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สนง.ทสจ.กาญจนบุรี  นายวราวัฒน์ จันทสี นักผังเมืองชำนาญการ สนง.โยธาธิการและผังเมืองกาญจนบุรี นางสาวเดือนแรม ทิพย์แสง จนท.สำนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี  นายชาญวิทย์ มั่งบางยาง ผอ.ส่วนจัดการฐานข้อมูลธนารักษ์กาญจนบุรี นายไชยพัทธ์ ภูริชัยวรนันท์ จนท.สาธารณสุขอำเภอเมืองกาญจนบุรี ตร.สภ.เมืองกาญจนบุรี นายวริทชัย จารุประภาพงษ์ กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลแก่งเสี้ยน ร่วมลงพื้นที่โรงงานของบริษัท ทีเอสเอ็มไบโอเอนเนอร์ยี จำกัด พื้นที่ หมู่ 5 ต. แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียน

โดยมี นายสุพจน์ เลิศวุฒิรงค์ ผู้จัดการบริษัท ทีเอสเอ็มไบโอเอนเนอร์ยี จำกัด ร่วมที่ห้องประชุม โรงงาน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางกลิ่นและปัญหาเกี่ยวกับที่ดินที่ว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเกินกว่าหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์

โดยลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้พบว่า มีปัญหาเรื่องมลพิษทางกลิ่นจริง โดยมีกลิ่นเดือดร้อนรำคาญเป็นระยะๆ หลังจากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อระเหยน้ำท้ายโรงงานพบว่ามีการขุดบ่อเพื่อตากระเหยน้ำเสียของโรงงานเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ที่พื้นที่ตั้งอยู่ใกล้กับเชิงเขา โดยมีการใช้รถแม็คโครปรับพื้นที่เป็นแนวตารางโดยมีการยกคันขอบ่อแต่ละบ่อ ติดกับบ่อเก่าที่มีอยู่จำนวนมากพอสมควร โดยพบว่าบ่อใหม่ยังไม่มีการทิ้งน้ำเสีย ซึ่งตรวจสอบการขุดดินดังกล่าวพบว่ายังมิได้ขออนุญาติหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ

ส่วนปัญหาเกี่ยวกับที่ดินของบริษัท รวม 18 แปลงพื้นที่ 869-2-39 ไร่ กรณีปัญหาที่มีการใช้ที่ดินเกินหรือไม่ ทางบริษัทจะยื่นคำของรังวัดสอบเขตที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนรี ภายในวันที่ 10 ส.ค.62  และปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นเหม็น แนวทางแก้ไขระยะสั้น ทางบริษัทจะฉีดน้ำยาดับกลิ่นทุกวันและส่งเจ้าหน้าที่ออกลงพื้นที่สอบถามปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นของโรงานจากชาวบ้าน ส่วนในระยะยาวจะเพิ่มบ่อกักเก็บน้ำและคุมผ้าใบเพื่อลดกลิ่น

โดยนายสุพจน์ เลิศวุฒิรงค์ ผจก.บริษัทฯ เปิดเผยภายหลังว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในวันนี้ ประเด็นหลักๆก็คือ ทางหน่วยงาน แจ้งว่าเราปรับพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเราได้มีการพูดคุยกันว่า ทางบริษัทจะให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ให้เข้ามาทำการรังวัดเสาเขต ว่าอยู่ในส่วนที่เป็นเอกสาร น.ส.3 หรือไม่ ส่วนเรื่องของกลิ่น ซึ่งอันที่จริงแล้วทางมวลชน หรือชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบพื้นที่ เราก็ได้มีการออกสำรวจและได้มีการบำบัดกลิ่นโดยใช้น้ำยาดับกลิ่น ซึ่งที่ผ่านมาผลกระทบต่อชาวบ้านก็ลดน้อยลงจากเมื่อก่อนมาก จนเป็นที่ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง 

ในส่วนที่ทาง โรงงานจะปรับปรุงเรื่องกลิ่นก็คือ เราจะมีการนำผ้าใบมาคลุมบ่อ ซึ่งเป็นบ่อรับน้ำเสีย ออกจากบ่อน้ำแก๊สเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดการย่อยสลายในบ่อเพื่อลดกลิ่น ก่อนที่มันจะออกมาสู่บ่อ ใหญ่ ซึ่งตรงนั้นกลิ่นก็น่าจะลดลง  ในส่วนของบ่อน้ำเสียที่รับน้ำเสียด้านล่างที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เสนอให้มีการคลุมผ้าใบ เราจะรับไว้ดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาน้ำซึมสู่ใต้ผิวดิน และทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการแจ้งให้ทางกรมทรัพย์ฯ เข้ามาตรวจสอบน้ำใต้ดินว่ามีการปนเปื้อนมากน้อยแค่ไหน 

ด้าน นายวิฑูรย์ สิรินุกุล นานอำเภอเมืองกาญจนบุรี  เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้พบว่ามีกลิ่นเหม็นและมีการขึดดินโดยไม่ขออนุญาตตามพรบ.ขุดดิน ดังนั้นจึงมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ในส่วนของอำภอเมืองกาญจนบุรีจะแจ้ง สำนักงาน ทรัพยากรรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดาญจรีเพื่อมรัพยาทรน้ำบาดาลเข้าสอบคุณภาพน้ำใต้ดินและแจ้งกรมควบคุมมลพิษตรงจสอบเรื่องกลิ่นต่อไป ส่วนปัญหาที่ดินที่มีการขุดดินในพื้นที่ทำบ่อระเหยน้ำเสีย ประมาณ 180 ไร่โดยมิได้ขออนุญาตก็ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป