วันที่ 21 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางพระมหาอารยะนันต์ อานันโท เจ้าอาวาสวัดเขาพระทอง หมู่ 1 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช พร้อมพระภิกษุและลูกศิษย์วัดรวม 7 รูป/คน ร่วมกันพัฒนาทางขึ้นภูเขาสลักได เป็นภูเขาเล็ก ๆ อยู่ทางด้านทิศเหนือของวัด ห่างจากภูเขาพระทองที่ตั้งวัดเขาพระทองประมาณ 400 เมตร เป้าหมายต้องการแผ้วทางเส้นทางเดินเก่าที่เป็นทางเดินของพระภิกษุและชาวบ้าน ไปถ้ำลมภูเขาสลักได ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

เมื่อแผ้วถางถึงบริเวณหน้าถ้ำลม กลับว่ามีพระพุทธรูปปูนปั้นสูงประมาณ 2.5 เมตร น้ำหนักองค์พระประมาณ 300 กก. คาดว่ามีอายุระหว่าง 30 – 50 ปี สภาพหักล้มหงายบนพื้น มีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นปกคลุม ตรวจสอบเป็นพระพุทธรูปที่ช่างปั้นผสมผสานระหว่างปางห้ามญาติกับปางอุ้มบาตร มือซ้ายอุ้มบาตร มือขวายกขึ้นเหนืออกหันฝ่ามือออกด้านนอกลักษณะปางห้ามญาติ และมีรอยหักตรงข้อมือขวา ส่วนด้านในมีโครงเหล็กขนาดเล็ก 4 เส้น

 

ในเบื้องต้นทางพระมหาอารยนันต์ ให้พระภิกษุและลูกศิษย์วัดจุดธูปเทียนบนบานขอขมา ก่อนช่วยกันยกองค์พระขึ้น แต่น่าแปลกที่แม้จะพยายามหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถยกองค์พระขยับเขยื้อนได้ พระภิกษุและลูกศิษย์วัด จึงพากันเดินทางกลับ และกลับประกอบพิธีบวงสรงขออนุญาตยก และบูรณะซ่อมแซมองค์พระ ให้กลับเหมือนเป็นปกติ โดยจะประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวไว้ในจุดเดิม

พระมหาอารยนันต์ กล่าวว่า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวไม่ใช่พระพุทธรูปโบราณ แต่เป็นพระพุทธรูปสมัยใหม่ คาดว่าเป็นรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาวัดเขาพระทอง รูปใดรูปหนึ่ง แต่จะตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเป็นรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาสรูปใด ที่ผ่านมาวัดเขาพระทองมีสภาพเป็นวัดร้างอีกแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้อาตมา เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ จำพรรษาวัดชลประทานรังสฤษฏ์ จึงตัดสินใจจะพัฒนาฟื้นฟูวัดเขาพระทอง ให้เป็นวัดที่อยู่คู่กับพระพุทธศาสนา มีเป้าหมายพัฒนาให้วัดเขาพระทอง เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ รองรับโครงการพระบรมธาตุมรดกโลก โดยระยะ 7 - 8 ปี ที่ผ่านมา สามารถพัฒนาวัดจนเป็นที่รู้จักของประชาชนและนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามวัดเขาพระทอง ยังไม่มีโบสถ์ เพื่อใช้ในการประกอบศาสนกิจสำคัญในการบรรพชา – อุปสมบทสามเณร - พระภิกษุ ทางวัดจึงจัดตั้งกองทุนระเบียงบุญสร้างโบสถ์วัดเพระทองขึ้น